สหรัฐฯ ตั้งข้อหา 55 คนในฐานความผิดทางอาญา อันมีบ่อเกิดจากเหตุปิดล้อมอาคารรัสภา และพฤติกรรมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อเกิดจลาจล อาจถูกสืบสวนโดยคณะอัยการกลาง ตามรายงานของสื่อมวลชนอเมริกาเมื่อวันพฤหัสบดี (7 ม.ค.)
เมื่อถูกถามว่าสำนักงานอัยการสหรัฐฯ จะมีการพินิจพิเคราะห์โดยละเอียดต่อตัวประธานาธิบดีหรือไม่ ในบทบาทยุยงปลุกปั่นจู่โจมอาคารรัฐสภา ทางไมเคิล เชอร์วิน รักษาการอัยการสหรัฐฯ ในวอชิงตัน ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่ากำลังตรวจสอบทุกตัวแสดง “ใครก็ตามที่มีบทบาท และมีหลักฐานเข้าองค์ประกอบทางอาญา คนเหล่านั้นจะถูกตั้งข้อหา”
ทรัมป์ ปราศรัยต่อฝูงชนในวันพุธ (6 ม.ค.) จากนั้นก็เร่งเร้าให้บรรดาผู้สนับสนุนไปยังอาคารรัฐสภา เพื่อแสดงความโกรธแค้นต่อกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้ง เขายังบอกให้กองเชียร์กดดันให้สมาชิกรัฐสภาปฏิเสธผลการเลือกตั้ง โดยปลุกเร้าให้คนเหล่านั้นให้ “สู้”
จากนั้นฝูงม็อบที่ฮึกเหิมก็บุกจู่โจมอาคารรัฐสภา พุ่งผ่านแนวกั้นของตำรวจ ทุบทำลายกระจก ส่งผลให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาต้องวิ่งหนีหาที่กำบังเพื่อความปลอดภัย เหตุจลาจลครั้งนี้ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 4 ราย บีบให้สมาชิกสภาคองเกรสต้องระงับกระบวนการรับรองชัยชนะของไจ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายน เป็นการชั่วคราว ก่อนที่สมาชิกรัฐสภาจะกลับเข้าสู่กระบวนการรับรองจนเสร็จสมบูรณ์ โดยอาคารได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว
ชายคนหนึ่งถูกจับกุมใกล้อาคารรัฐสภาพร้อมกับปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ และระเบิดเพลิง 11 ลูก ขณะที่คนอื่นๆ ส่วนใหญ่เผชิญข้อหาต่างกันออกไป อย่างเช่นเข้าไปในอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็มีบางส่วนที่โดนตั้งข้อหาอาญารุนแรงกว่า อาทิ ประทุษร้าย และคาดหมายว่าจะมีผู้ถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
“มันเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด” เชอร์วินกล่าว พร้อมระบุว่า “ทุกข้อกล่าวหา” ยังวางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นรวมถึงก่อกบฏและจลาจล เรายังไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ
หนึ่งในบรรดาผู้ถูกตั้งข้อหานั้นได้แก่ มาร์ก เลฟฟิงเวลล์ ซึ่งโดนกล่าวหาโจมตีเจ้าหน้าที่รายหนึ่งในจุดเกิดเหตุ “เลฟฟิงเวลล์ พยายามผลักผมและคนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ” ดาเนียล อาเมนดาโล เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐสภากล่าวในถ้อยแถลง “ตอนที่เขาถูกขวางไม่ให้รุกคืบเข้าไปในอาคาร เลฟฟิงเวลล์ต่อยผมซ้ำๆ ผมถูกต่อยตรงหมวกกันน็อก และบริเวณหน้าอก”
ในเวลาต่อมา เลฟฟิงเวลล์ ออกถ้อยแถลงขอโทษด้วยความจริงใจ ต่อกรณีที่เขาทำร้ายเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว
จากเอกสารของศาล คริสโตเฟอร์ ไมเคิล อัลเบิร์ต ถูกตั้งข้อหาครอบครองอาวุธปืนสั้น 9 มิลลิเมตร และกระสุน หลังเจ้าหน้าที่คนหนึ่งสังเกตเห็นสันนูนๆ บริเวณสะโพกของเขา จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อีก 2 คนเข้าตรวจสอบซึ่งก็พบว่าเป็นอาวุธปืนจริงๆ
อัลเบิร์ต พยายามวิ่งหนีแต่ก็หนีไม่พ้น และเจ้าหน้าที่สามารถยึดปืนซึ่งนัดหนึ่งอยู่ในลำกล้องและมีกระสุนเต็มแมกกาซีน 12 นัด เช่นดียวกับแมกกาซีนบรรจุกระสุนเต็มแม็ก หน้ากากป้องกันแก๊ส มีดพก อาหารพร้อมรับประทานแบบทหาร และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เขาอ้างกับตำรวจว่าเขามีปืนเพื่อป้องกันตนเอง และไม่มีเจตนาใช้มันทำร้ายคนอื่น
ภาพถ่ายและวิดีโอที่พวกก่อจลาจลกระทบกระทั่งกับตำรวจ และปล้นสะดมสำนักงานของบรรดาสมาชิกสภาคองเกรส ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงบ่ายวันพุธ (6 ม.ค.) ซึ่งพวกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่ามันมีความผิดทางอาญาต่างๆ นานา ไล่ตั้งแต่ทำลายทรัพย์สินของรัฐไปจนถึงปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบ และอัยการสามารถตั้งข้อหาต่อพวกผู้กระทำผิดได้ แม้คนเหล่านั้นจะเดินหนีไปจากจุดเกิดเหตุโดยไม่ถูกควบคุมตัวใดๆ
นอกจากนี้แล้ว พวกผู้เข้าร่วมอาจถูกตั้งข้อหาก่อความเสียหายแก่ทรัพย์สินของรัฐโดยตั้งใจ เช่นเดียวกับประทุษร้ายเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย และบุกรุกโดยใช้อาวุธ ขณะเดียวกัน พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าบางส่วนอาจเจอข้อหาที่ร้ายแรงกว่า ในนั้นรวมถึงปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐบาลและก่อกบฏ ซึ่งจำเป็นต้องพิสูจน์ว่ามีเจตนาก่อความวุ่นวายหรือแม้กระทั่งโค่นล้มรัฐบาลหรือไม่
ไม่นานหลังจากที่ประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรองชัยชนะของ โจ ไบเดน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการแล้ว ทรัมป์แถลงแก้หน้าว่าจะถ่ายโอนอำนาจแก่ไบเดน อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้เน้นว่าเขายังคงไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้ง
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)