ผู้ประท้วงหญิงคนหนึ่งถูกยิงในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันพุธ (6 ม.ค.) ระหว่างเหตุการณ์ความวุุ่นวายกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปภายใน หวังกดดันสภาคองเกรสไม่ให้ลงมติรับรองชัยชนะในศึกเลือกตั้งของโจ ไบเดน ขณะเดียวกัน พบเห็นการประท้วงอีกหลายเมือง แต่ยังไม่มีรายงานความโกลาหลดังเช่นที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง
ภาพในวิดีโอพบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกยิงบริเวณหน้าอกภายในอาคารรัฐสภา ล้มลงไปนอนกับพื้น มีเลือดไหลออกจากปาก ระหว่างนั้นตำรวจพยายามปฐมพยาบาลให้กับเธอ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความโกลาหล ทั้งนี้ ต่อมาแหล่งข่าวเปิดเผยว่าเธอเสียชีวิตแล้ว ขณะที่แหล่งข่าวเข้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กโพสต์ ดูเหมือนผู้หญิงรายดังกล่าวจะถูกยิงโดยตำรวจรัฐสภา
โฆษกกรมตำรวจวอชิงตันยืนยันข่าวผู้หญิงถูกยิงเสียชีวิตระหว่างพวกผู้ประท้วงสนับสนุนทรัมป์บุกจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่บอกว่าไม่เป็นที่ชัดเจนเป็นฝีมือใคร แม้ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่าเสียงปืนดังขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสั่งให้ผู้ประท้วง “ถอยกลับไป”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่อาคารรัฐสภา หลังพวกผู้ชุมนุมฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์บุกเข้าไปภายใน มีภาพตำรวจในห้องประชุมเตรียมชักปืนยิง บรรดา ส.ส.สวมหน้ากากป้องกันแก๊ส พวกผู้ประท้วงทุบกระจกหน้าต่าง ในความพยายามกดดันไม่ให้สภาคองเกรสโหวตรับรองชัยชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน
ภาพสถานการณ์ภายในอาคารรัฐสภา ดูคล้ายกับฉากแห่งการรัฐประหารยึดอำนาจ พวกผู้สนับสนุนทรัมป์โบกธงสีน้ำเงินและสวมหมวกสีแดง บุกเข้าไปภายใน มุ่งตรงไปยังห้องประชุมกำลังเปิดอภิปรายก่อนการโหวตรับรอง ไบเดน และภาพในทวิตเตอร์ที่ส่งต่ออย่างกว้างขวาง พบเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่งเล็งปืนสั้นออกไปนอกหน้าต่างที่แตก คอยหยุดยั้งใครก็ตามที่พยายามบุกเข้ามา
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ปราศรัยกับพวกผู้ชุมนุมนานกว่า 1 ชั่วโมง ที่อุทยานเนชันแนล มอลล์ ตอกย้ำคำกล่าวอ้างโกงเลือกตั้งและผุดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ นานา ว่าทำไมเขาควรยังคงเป็นประธานาธิบดี แม้พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน จากนั้น ทรัมป์ ก็ยุให้พวกเขาเดินขบวนไปสภาคองเกรส
ไม่กี่นาที ม็อบได้ไหลบ่าไปเต็มขั้นบันไดหน้าอาคารรัฐสภา จากนั้นฝูงชนหัวรุนแรงกลุ่มเล็กๆ เกิดการกระทบกระทั่งกับตำรวจ ผลักดันเจ้าหน้าที่จนล่าถอยไป และท้ายที่สุดแล้วก็บุกเข้าไปภายในได้สำเร็จ
นอกเหนือจากในเมืองหลวงแล้ว พวกผูุ้สนับสนุนของทรัมป์ ยังรวมตัวชุมนุมกันตามอาคารรัฐสภาในหลายเมือง ไล่ตั้งแต่แอตแลนตา ไปจนถึงซาเล็ม, ออริกอน ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกับเหตุการณ์บุกจู่โจมอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จากฝีมือพวกผู้ประท้วงเรียกร้องให้พลิกผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายปราชัยแก่ไบเดน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานความรุนแรงหรือสถานการณ์ความวุ่นวายร้ายแรงตามเมืองต่างๆเหล่านั้น
ในเมืองเอกของรัฐออริกอน ฝูงชนที่ออกมาสนับสนุนทรัมป์และต่อต้านข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ของทางรัฐ ได้จุดไฟเผาหุ่นจำลองของผู้ว่าการรัฐจากเดโมแครต ส่วนตำรวจประกาศว่ามันเป็นการประท้วงที่ผิดกฎหมายและสั่งให้ผู้ประท้วงสลายการชุมนุม
ตำรวจรัฐออริกอนรายงานว่ามีผู้ถูุกจับกุมอย่างน้อย 1 รายในเมืองซาเลม ฐานต้องสงสัยก่อกวนรังควานและมีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย
มีรายงานว่าพวกผู้ประท้วงบุกเข้าไปในรัฐสภารัฐแคนซัส ในเมืองโทพีกา และรวมตัวกันอยู่ภายในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นการชุมนุมยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
ไมเคิล ฮันค็อก นายกเทศมนตรีเมืองเดนเวอร์ เขียนบนทวิตเตอร์ว่า เขาสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ของเมืองปิดสำนักงานเร็วขึ้นในเมืองหลวงของรัฐโคโลราโดแห่งนี้ ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน หลังมีผู้ชุมนุมราว 700 คน รวมตัวกันบริเวณอาคารรัฐสภาประจำรัฐในย่านกลางเมือง
ในแอตแลนตา เมืองเอกของรัฐจอร์เจีย สำนักงานศาลและอาคารรัฐบาลอีก 2 แห่งก็ถูกสั่งปิดเช่นกัน เนื่องจากมีการชุมนุมใกล้ๆ ส่วนที่ซอลต์เลกซิตี เมืองเอกของรัฐยูทาห์ หน่วยงานราชการบางแห่งร้องขอเจ้าหน้าที่ทำงานจากที่บ้าน ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน
มาตรการปลอดภัยไว้ก่อนนี้ มีขึ้นตอบสนองต่อกรณีที่มีผู้ชุมนุมสนับสนุนทรัมป์ราว 250 คน รวมตัวกันบริเวณอาคารรัฐสภาประจำรัฐ พร้อมชูป้ายข้อความว่า “หยุดขโมย!” และ “ทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ”
นอกจากเมืองที่กล่าวมาข้างต้น ยังพบเห็นพวกผู้สนับสนุนทรัมป์จัดการชุมนุม “หยุดขโมย” ในอีกหลายเมือง ในนั้นรวมถึงที่ฟีนิกซ์ เมืองเอกของรัฐแอริโซนา, เมืองลิตเติลร็อก รัฐอาร์คันซอ, เมืองแทลลาแฮสซี รัฐฟลอริดา และเมืองซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์/รอยเตอร์)