สหรัฐฯ คาดหมายว่าประชาชนจะมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 100 ล้านคนในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม จากความคิดเห็นของหัวหน้าที่ปรึกษาโครงการวัคซีนโควิด-19 ของอเมริกาในวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.) คณะควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ อนุมัติวัคซีนตัวแรกสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อคืนวันศุกร์ (11 ธ.ค.) และเริ่มต้นลำเลียงสู่จุดหมายปลายทางแล้วในวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.)
“เราจะมีประชาชนที่มีภูมิคุ้มกัน 100 ล้านคนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021” นายแพทย์ มอนเซฟ สลาอุย หัวหน้าโครงการ Operation Warp Speed กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ในวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.)
เขาบอกว่าสหรัฐฯ หวังแจกจ่ายวัคซีนราวๆ 40 ล้านโดสในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม ซึ่งในนั้นรวมถึงวัคซีนที่เพิ่งได้รับอนุญาติของไฟเซอร์ อิงก์ และอีกตัวคือวัคซีนของโมเดอร์นา อิงก์ ที่คาดหมายว่าจะได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่นกันในสัปดาห์นี้
สลาอุย คาดหมายด้วยว่าวัคซีนอีก 50 ถึง 80 ล้านโดสในถูกแจกจ่ายในเดือนมกราคม และจำนวนเดียวกันในเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่การฉีดวัคซีนให้บุคคลหนึ่งๆ นั้น จำเป็นต้องใช้วัคซีน 2 โดสต่อ 1 คน
“เราจะทำงานร่วมกับไฟเซอร์ เดินหน้าช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขาให้บรรลุเป้าหมายส่งมอบวัคซีนอีก 100 ล้านโดสในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2021” สลาอุยกล่าว พร้อมระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนชุดแรกๆ จะเป็นบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์แนวหน้า เช่นเดียวกับบุคคลที่พักอาศัยมายาวนานในบ้านพักคนชราทั้งหลาย
“สำหรับสหรัฐฯ เพื่อที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งจะช่วยสกัดการแพร่เชื้อของไวรัสมรณะ ประเทศแห่งนี้จำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันราว 75% ถึง 80% ของจำนวนประชากร” เขากล่าว พร้อมแสดงความหวังว่าอเมริกาจะไปถึงจุดดังกล่าวระหว่างเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน
“อย่างไรก็ตาม มันสำคัญยิ่งที่ประชาชนอเมริกันส่วนใหญ่ต้องตัดสินใจรับวัคซีน” สลาอุยกล่าว “เรามีความกังวลอย่างมากต่อท่าทีลังเลที่เราพบเห็น ผมหวังว่าประชาชนจะเปิดใจรับฟังข้อมูล และเห็นพ้องว่ามันเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะฉะนั้นจงรับมันเถิด”
ในการทดลองทางคลินิกกลุ่มใหญ่ วัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันโควิด-19 และมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สลาอุยปฏิเสธความกังวลว่าวัคซีนอาจไม่เพียงพอ โดยเขาเน้นย้ำว่าวัคซีนอีกตัวจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน น่าจะพร้อมสำหรับขออนุมัติในช่วงปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ และคาดหมายว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกา มีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับการอนุมัติช่วงใดช่วงหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์
“แรงกดดันทางการเมืองให้อนุมัติวัคซีนนั้น ไม่มีประโยชน์ เพราะมันไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น” สลาอุุยกล่าว หลังถูกถามกรณีที่มีข่าวว่า มาร์ค มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว โทรศัพท์ถึง สตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ (11 ธ.ค.) เรียกร้องให้อนุมัติวัคซีนอย่างทันทีทันใด ไม่อย่างนั้นอาจต้องตกงาน
ในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสำนักงานอาหารและยา รวมถึงไฟเซอร์ เขียนบนทวิตเตอร์ เรียกร้องให้นายแพทย์ฮาห์นอนุมัติวัคซีนในทันที อย่างไรก็ตาม สลาอุย เน้นย้ำว่า “ถ้าโทรศัพท์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกับข้อความบนทวิตเตอร์บางทวีต”
(ที่มา : รอยเตอร์)