จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ แตะระดับ 16 ล้านคน ในช่วงบ่ายวันเสาร์ (12 ธ.ค.) และยอดผู้เสียชีวิตขยับเข้าใกล้ 300,000 ราย แม้คาดหมายว่าวัคซีนใหม่หลายล้านโดสจะเริ่มแจกจ่ายทั่วอเมริกาก่อนวันอาทิตย์ (13 ธ.ค.)
วัคซีนตัวแรกได้รับอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (11 ธ.ค.) และคาดหมายว่าจะเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนหมู่ในทันที ในความหวังยุติโรคระบาดใหญ่ที่ทำลายวิถีชีวิตผู้คนในอเมริกาและก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอย่างเลวร้าย
“เอฟดีเออนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน” ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แถลงผ่านทวิตเตอร์เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ (11 ธ.ค.) และสัญญาว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนให้อเมริกันชนภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ทางเอฟดีเอบอกว่าอาจต้องใช้เวลาหลายวัน ก่อนจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ อิงค์
คาดหมายว่า วัคซีนชุดแรกๆ จะมีเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ที่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข รวมถึงเหล่าผู้พักอาศัยในบ้านพักคนชราและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล
ความเคลื่อนไหวอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์ คือ จุดเปลี่ยนในสหรัฐฯ ดินแดนที่โรคระบาดใหญ่คร่าชีวิตผูุ้คนไปแล้วกว่า 295,000 คน มากกว่าชาติไหนๆ ในโลก และการแพร่ระบาดระลอกล่าสุด ได้ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศแห่งนี้ประสบปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาลอีกรอบ
สหรัฐฯรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันสูงสุดนับตั้งแต่ระบาด ด้วยจำนวน 232,700 คน ในวันศุกร์ (11 ธ.ค.) จากการนับของรอยเตอร์ และในช่วง 7 วันหลังสุด อเมริการายงานพบผู้เสียชีวิตเฉลี่ยแล้ว 2,411 คนต่อวัน ถือเป็นค่าเฉลี่ย 7 วัน สูงที่สุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
ส่วนจำนวนคนไข้ที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจนถึงวันศุกร์ (11 ธ.ค.) อยู่ที่ 107,684 คน สูงสุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมในสหรัฐฯเพิ่มแตะระดับ 12 ล้านคน ไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงหมายความว่ามันใช้เวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์ ในการแพร่เชื้อสู่ประชาชนอีก 4 ล้านคน
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการรัฐหลายคนที่ประกาศทบทวนวัคซีนก่อนอนุญาตใช้มันในรัฐของพวกเขา แถลงในช่วงค่ำวันศุกร์ (11 ธ.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ไฟเขียวใช้วัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย พูดโน้มน้าวให้เห็นชอบวัคซีน โดยเรียกว่ามันเป็นก้าวย่างที่สำคัญอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เขาเตือนด้วยความระมัดระวังผ่านทวิตเตอร์ ว่า “มันสำคัญมากที่เราจะคงมาตรการหยุดอยู่บ้านและสวมหน้ากากเพื่อปกป้องชีวิต”
(ที่มา: รอยเตอร์)