ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (25 พ.ย.) อภัยโทษให้ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่สารภาพว่าโกหกเอฟบีไอระหว่างการสืบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016
ความเคลื่อนไหวนิรโทษกรรมของทรัมป์ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในหลายๆ ครั้งที่อาจตามมาหลังจากนี้ หลังเขาพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 แก่ โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต เรียกเสียงประณามดุเดือดจากพรรคเดโมแครต และพวกวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นๆ
ฟลินน์ นายพลเกษียณอายุ ให้การยอมรับสารภาพในปี 2017 ว่าโกหกต่อหน่วยงานเอฟบีไอเกี่ยวกับกรณีที่เขาติดต่อกับเซอร์เกย์ คิสลิยาค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ทรัมป์เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีเดียวกัน
นับตั้งนั้นเขาพยายามถอนคำรับสารภาพ โดยอ้างว่าอัยการละเมิดสิทธิของเขา และล่อลวงให้เขายอมรับข้อตกลงสารภาพผิด ทั้งนี้ การพิจารณาระวางโทษอดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติรายนี้ ถูกเลื่อนออกมาหลายต่อหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน
“เป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้แจ้งว่า นายพลไมเคิล ที. ฟลินน์ ได้รับการอภัยโทษอย่างสมบูรณ์ ยินดีด้วยกับ @GenFlynn และครอบครัวของเขา ผมรู้ว่าตอนนี้คุณจะมีวันขอบคุณพระเจ้าที่อัศจรรย์อย่างแท้จริง” ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์ หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทรัมป์ ยังเป็นการอนุมัติอภัยโทษครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแน่ง โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันเคยอภัยโทษให้บุคลากรทางทหารที่ถูกกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน และ โจ อาพัยโอ อดีตนายอำเภอในรัฐแอริโซนา ผู้ใช้แนวทางแข็งกร้าวจัดการกับพวกคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
“การอภัยโทษครั้งนี้ไม่สมควรได้รับ ไม่มีหลักการ และเป็นอีกหนึ่งรอยด่างในมรดกของทรัมป์ ที่กำลังเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว” เจอร์รี แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
“โดนัลด์ ทรัมป์ ละเมิดอำนาจอภัยโทษ ตอบแทนเพื่อนฝูงและพันธมิตรทางการเมืองของเขา ปกป้องพวกที่โกหกปิดบังเพื่อเขา” อดัม ชริฟฟ์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเคยเป็นแกนนำในกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีรายนี้
ทั้งนี้ ฟลินน์ เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติคนแรกของทรัมป์ แต่ถูกประธานาธิบดีไล่ออกหลังทำงานได้เพียง 24 วัน ต่อกรณีที่เขาโกหกรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และมีประเด็นถกเถียงเล็ดลอดออกมาว่าเขาแอบติดต่อกับเอกอัครราชทูตรัสเซีย
ฟลินน์ เป็นหนึ่งในอดีตผู้ช่วยของทรัมป์หลายคนที่สารภาพผิดหรือถูกพิพากษาว่ามีความผิด ในกระบวนการพิจารณาคดีที่ โรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตอัยการพิเศษ เข้าสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐฯ 2016 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ทรัมป์คว้าชัยชนะ แต่ทางรัสเซียยืนปรานปฏิเสธว่าไม่ได้แทรกแซงใดๆ
ด้วยไม่ถึง 2 เดือนก่อนถึงวันสาบานตนเข้ารับตำแห่งของไบเดน จึงคาดหมายว่า ทรัมป์ อาจใช้เวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่ง มุ่งเน้นอภัยโทษให้คนอื่นๆ เพิ่มเติม และดำเนินการเรื่องอื่นๆเพื่อปัดกวาดมรดกตกทอด ก่อนลงจากอำนาจ
ในเดือนมีนาคม ทรัมป์เคยบอกว่ากำลังพิจารณาอย่างจริงจังสำหรับอภัยโทษให้ฟลินน์อย่างสมบูรณ์ โดยบอกว่าเอฟบีไอ และกระทรวงยุติธรรมทำลายชีวิตของฟลินน์และครอบครัวของเขา
ฟลินน์ เคนเสนอตัวให้ความร่วมมือกับการสืบสวน ส่วนหนึ่งในข้อตกลงยอมรับสารภาพ แต่ต่อมาเขาเปลี่ยนทนายและเปลี่ยนแท็คติก หันมาโต้แย้งว่าอัยการในคดีนี้หลอกล่อให้เขาโกหก เกี่ยวกับกรณีที่เขาพบปะพูดคุยกับ คิสลิยาค
เมื่อเดือนมกราคม คณะอัยการกลางร้องขอให้ศาลลงโทษจำคุกฟลินน์สูงสุด 6 เดือน โดยกล่าวอ้างในเอกสารที่ยื่นต่อศาลว่า “จำเลยไม่เรียนรู้บทเรียน มีพฤติกรรมที่คิดว่ากฎหมายไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และคิดว่าคงไม่เจอผลลัพธ์ใดๆ จากการกระทำของเขาเอง”
นอกจาก ฟลินน์ ยังมีอดีตผู้ช่วยของทรัมป์รายอื่นๆ ที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดตามหลังการสืบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งในนั้น ได้แก่ โรเจอร์ สโตน ซึ่งถูกพิพากษาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ จำคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม, ยุ่งเหยิงกับพยานบุคคล และโกหกสมาชิกรัฐสภาที่สืบสวนรกณีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้ง ก่อนทรัมป์ใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งลงโทษ
พอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ ถูกพิพากษาเมื่อปีที่แล้วให้จำคุก 3 ปีครึ่ง หลังศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานล็อบบี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและยุ่งเหยิงกับพยานบุคคล แต่ มานาฟอร์ต ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในเดือนพฤษภาคม และชดใช้โทษที่เหลือที่บ้าน
(ที่มา : รอยเตอร์)