เอพี - ไบเดนเตือนว่า อเมริกันชนอาจต้องสังเวยชีวิตเพิ่ม ถ้าทรัมป์และคณะบริหารยังไม่ยอมร่วมมือกับทีมผ่องถ่ายอำนาจของตนในการจัดการวิกฤตโรคระบาด รวมทั้งยังขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลข่าวกรองด้านความมั่นคงของประเทศ ประเด็นทางการเมือง และแผนการแจกจ่ายวัคซีน
ข้อความดังกล่าวถือเป็นคำเตือนแข็งกร้าวที่สุดของ โจ ไบเดน ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของอเมริกา ต่อกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และปฏิเสธที่จะร่วมมือกับคณะบริหารชุดใหม่เพื่อผ่องถ่ายอำนาจอย่างราบรื่น
ระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (16 พ.ย.) ที่รัฐเดลาแวร์ ไบเดนเตือนว่า จะมีประชาชนล้มตายมากขึ้น ถ้าทรัมป์ยังไม่ให้ความร่วมมือ
ไบเดนและเหล่าผู้ช่วย รวมถึงสมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่แม้เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ย้ำความสำคัญในการได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับความพยายามของทำเนียบขาวในการควบคุมโรคระบาดและแจกจ่ายวัคซีนที่มีแนวโน้มต้านทานไวรัสโคโรนาได้ โดยขณะนี้คณะบริหารของทรัมป์กำลังดำเนินการแผนการแจกจ่ายของตัวเอง ขณะที่หัวหน้าคณะทำงานของไบเดนระบุว่า ทีมผ่องถ่ายอำนาจจะเดินหน้าแผนการของตนเองเช่นกัน เนื่องจากถูกขัดขวางไม่ให้เข้าถึงข้อมูลของรัฐบาล
วุฒิสมาชิก ซูซาน คอลลินส์ จากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ประธานาธิบดีที่ชนะการเลือกตั้ง และทีมงานต้องสามารถเข้าถึงการวางแผนแจกจ่ายวัคซีนอย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ยากลำบากและสำคัญอย่างที่สุดกับสุขอนามัยของประชาชน
ความคิดเห็นของคอลลินส์ได้รับการตอกย้ำอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ โดย ลิซา เมอร์โคสกี วุฒิสมาชิกรีพับลิกันอีกคน นอกจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมาชิกรีพับลิกันกลุ่มใหญ่ในรัฐสภายังเรียกร้องให้คณะบริหารของทรัมป์ยอมให้ไบเดนเข้าถึงข้อมูลสรุปด้านความมั่นคงแห่งชาติ
ทรัมป์ยังคงปฏิเสธการกดดันจากทั้งฝั่งเดโมแครตและรีพับลิกัน และไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อไบเดนที่ได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งเกินเกณฑ์บังคับสำหรับการรับตำแหน่งประธานาธิบดีนับสิบคะแนน รวมทั้งยังมีคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตทิ้งห่างทรัมป์กว่า 5.5 ล้านคะแนน
การร่วมมือระหว่างคณะบริหารที่กำลังจะพ้นตำแหน่งกับคณะบริหารที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งคือองค์ประกอบสำคัญในการผ่องถ่ายอำนาจอย่างราบรื่นในอเมริกา และยิ่งสำคัญมากขึ้นในปีนี้ที่โควิด-19 ระบาดหนัก
ไบเดนย้ำว่า การแจกจ่ายวัคซีนเป็นงานใหญ่มาก และถ้าทีมของตนต้องรอจนกว่าจะได้เข้ารับตำแหน่งต้นปีหน้าจึงจะสามารถเข้าถึงแผนการของรัฐบาลได้ จะทำให้การแจกจ่ายวัคซีนล่าช้าออกไปอีกหลายเดือน
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงแผนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สำทับว่า จะต้องควบคุมโรคระบาดและจัดหามาตรการเยียวยาให้แก่แรงงานและภาคธุรกิจเสียก่อนจึงจะเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจได้
ไบเดนพยายามเลี่ยงการตอบคำถามว่า จะสนับสนุนมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศระยะสั้น เพื่อหยุดยั้งการระบาดหรือไม่ โดยนับจากชนะการเลือกตั้ง เขามุ่งเน้นการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นหลัก
ก่อนปราศรัยในวันจันทร์ ไบเดน และ กมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้ประชุมเสมือนกับ ริชาร์ด ทรัมกา ประธานเอเอฟแอล-ซีไอโอ ซึ่งเป็นสหพันธ์แรงงานใหญ่ที่สุดในอเมริกา, แมรี บาร์รา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เจเนอรัล มอเตอร์ และ สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ และผู้นำธุรกิจอีกหลายคน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจอเมริกาฟื้นจากการล็อกดาวน์ในฤดูใบไม้ผลิเร็วกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดไว้ ขณะที่อัตราว่างงานลดลง 1% เมื่อเดือนที่แล้ว อยู่ที่ 6.9% และกลุ่มที่ยังมีงานทำเพิ่มการใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และการตกแต่งบ้าน
ถึงกระนั้น การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ และมีสัญญาณว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นทำให้คนอเมริกันระวังการใช้จ่ายและการเดินทางมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่สนับสนุนการออกมาตรการกระตุ้นรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการขยายสวัสดิการการว่างงานและสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยก่อนหน้านี้ สมาชิกเดโมแครตในรัฐสภาสนับสนุนมาตรการเยียวยามูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ แต่มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูง อ้างอิงอัตราว่างงานที่ลดลงเป็นหลักฐานว่า มาตรการเยียวยาไม่จำเป็นต้องมีมูลค่ามากเท่าที่เดโมแครตตั้งเป้าไว้