นายแพทย์สกอตต์ แอตลาส สมาชิกคณะทำงานเฉพาะกิจด้านรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทำเนียบขาว เขียนทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์ข้อจำกัดใหม่สกัดโควิด-19 ของรัฐมิชิแกน พร้อมเร่งเร้าให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านมาตรการใหม่ด้านสาธารณสุขที่รัฐแห่งนี้แถลงออกมาเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ (15 พ.ย.)
“ทางเดียวที่จะหยุดมันได้ก็คือประชาชนต้องลุกฮือขึ้น” แอตลาสเขียนบนทวิตเตอร์ “คุณควรได้รับสิ่งที่คุณยอมรับ #FreedomMatters(เสรีภาพมีความสำคัญ) #StepUp(ลุกฮือขึ้น)”
ข้อความของเขาซึ่งสวนทางกับฉันทามติของบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดูเหมือนจะโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างทำเนียบขาวกับเกรทเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนจากเดโมแครต ดินแดนที่เมื่อเดือนที่แล้ว มีคำกล่าวอ้างว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐ ตกเป็นเป้าหมายลักพาตัวของพวกก่อการร้ายในประเทศ
วิทเมอร์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ตอบโต้คำยุยงของแอตลาส ระบุว่า “เรารู้ว่าทำเนียบขาวอยากให้เราโดดเดี่ยวในมิชิแกน โดยเฉพาะกับฉัน เราถูกข่มขู่ไม่ให้ทำตามพวกนักวิทยาศาสตร์และบรรดานักวิชาชีพแพทย์ที่มีชื่อเสียง แต่ฉันจะไม่ยอมทำตามคำขู่”
นอกจากนี้แล้ว วิทเมอร์ยังเหน็บแนมกลับด้วยว่า เธอได้ปรึกษาหารือกับ บุคคลที่ศึกษาในเรื่องนี้อย่างแท้จริงและได้รับความเคารพเป็นอย่างดีจากทั่วโลกในประเด็นนี้ ไม่ใช่บุคคลที่ทำตามคำสั่งของประธานาธิบดี
ด้าน ดานา เนสเซิล อัยการสูงสุดรัฐมิชิแกน แสดงความคิดเห็นต่อข้อความบนทวิตเตอร์ของทั้งคู่ในวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) โดยระบุว่าข้อความของ แอตลาส นั้นน่าผิดหวัง ไร้ความรับผิดชอบและมันคือเหตุผลว่าทำไมสหรัฐฯ ถึงตกอยู่ในกรณีแวดล้อมที่สิ้นหวังเช่นนี้ในการรับมือกับโควิด-19
ก่อนหน้านี้ วิทมอร์แถลงข่าวในตอนเช้าวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) ว่ามิชิแกนจะเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามรวมตัวทางสังคมในที่ร่ม รวมถึงกิจกรรมกลุ่มอื่นๆ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 “ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตนเอง เราจะเห็นประโยชน์ใหญ่หลวงจากมัน แต่เราจะมีการประเมินในทุกๆ ย่างก้าวตลอดเส้นทางนี้”
ที่ผ่านมาตลอดช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ วิทเมอร์ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากกลุ่มขวาจัดต่างๆ โดยกลุ่มขวาจัดเหล่านี้ถูกกล่าวหาวางแผนลักพาตัวเธอ และมีแผนโค่นรัฐบาลรัฐต่างๆหลายรัฐ ที่พวกเขาเชื่อว่า “ละเมิดรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ตาม วิทเมอร์ไม่หวั่นเกรง ยังคงเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ผลักดันยกระดับความเข้มงวดของข้อจำกัดต่างๆ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สหรัฐฯ เพิ่งพบผู้ติดเชื้อเกิน 11 ล้านคนเมื่อวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ หลักชัยอันน่าเศร้าซึ่งเกิดขึ้นเพียง 6 วัน หลังจากยอดติดเชื้อสะสมในประเทศแตะระดับ 10 ล้านคน กรอบเวลาดังกล่าวถือเป็นการติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านคน เร็วที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
ต่างจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์รายอื่นๆ ของรัฐบาล ที่ให้คำปรึกษากับทรัมป์ในช่วงเดือนแรกๆของโรคระบาดใหญ่ แอตลาส มีจุดยืนต่อสาธารณะเกี่ยวกับไวรัสใกล้เคียงกับประธานาธิบดีอย่างมาก ในนั้นรวมถึงกรณีโวยวายแนวคิดที่จะยังไม่เปิดการเรียนการสอนในฤดูใบไม้ผลิ โดบระบุว่ามันเป็นการวิตกกังวลเกินเหตุ นอกจากนี้แล้วเขายังผลักดันให้กีฬาระดับมหาวิทยาลัยกลับมาแข่งขันด้วย
“เขากำลังทำงานกับเรา และจะทำงานร่วมกับเราในประเด็นโคโรนาไวรัส” ทรัมป์กล่าวในเดือนสิงหาคม “เขามีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมหลายๆ อย่าง เขาคิดว่าสิ่งที่เราทำไปแล้วนั้นดีมากๆ และตอนนี้เราจะขยับขึ้นไปสู่ระดับใหม่”
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)