นายกเทศมนตรีนครชิคาโกของสหรัฐฯ ออกคำแนะนำให้ประชาชนอยู่บ้านเป็นเวลา 1 เดือนวานนี้ (12 พ.ย.) ขณะที่โรงเรียนในเมืองดีทรอยต์ประกาศหยุดการเรียนการสอนในชั้นเรียนชั่วคราว ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องในหลายสิบรัฐทั่วอเมริกา
เมืองใหญ่แถบมิดเวสต์ทั้ง 2 แห่งกลายเป็นพื้นที่ล่าสุดในสหรัฐฯ ที่ต้องหวนกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มด้านสาธารณสุขตามหลังรัฐนิวยอร์ก, แคลิฟอร์เนีย และไอโอวา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการมาถึงของฤดูหนาวจะเป็นปัจจัยเร่งให้สถานการณ์โรคระบาดรุนแรงขึ้นอีก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มักรวมตัวทำกิจกรรมภายในอาคารและสถานที่ปิด
แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐที่ 2 ถัดจากเทกซัสที่มีผู้ป่วยโควิดสะสมเกิน 1 ล้านคนเมื่อวันพฤหัสบดี (12) และแม้หลายฝ่ายจะมีความหวังว่าวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งน่าจะพร้อมแจกจ่ายให้แก่บุคลากรการแพทย์และประชากรกลุ่มเสี่ยงในเร็ววัน แต่ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขยังวิตกว่าโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ อาจมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นจนรับไม่ไหวในช่วงฤดูหนาว
ลอรี ไลท์ฟุต นายกเทศมนตรีหญิงของนครชิคาโก ออกคำแนะนำให้พลเมืองเก็บตัวอยู่บ้านโดยไม่มีการต้อนรับแขกเป็นเวลา 30 วัน รวมถึงในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่จะมาถึงในช่วงปลายเดือนนี้
เธอย้ำว่าเมืองใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐฯ อาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มกว่า 1,000 คนภายในสิ้นปี 2020 หากผู้อยู่อาศัยไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ทางการชิคาโกสั่งห้ามจัดกิจกรรมรวมคนเกิน 10 คนทั้งในและนอกอาคาร ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากภายนอกรัฐจะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน หรือแสดงผลตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ
“เราไม่สามารถปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ท่ามกลางความเป็นจริงที่น่ากลัวเช่นนี้” ไลท์ฟุต ให้สัมภาษณ์ พร้อมเผยว่ายอดผู้ป่วยเฉลี่ยรายวันในชิคาโกกระโดดจาก 500 กลายเป็น 1,900 คนต่อวันในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และอัตราการตรวจพบเชื้อเป็นบวก (positivity rate) ก็เพิ่มจาก 5% กลายเป็น 15%
เกรตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ออกมาเรียกร้องเช่นกันให้พลเมืองงดพบปะสังสรรค์กับคนนอกครอบครัวในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า
“เราอยู่ในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และมันคือเวลาที่แพทย์ได้เตือนเราไว้แล้วตั้งแต่เริ่มต้นว่าจะเกิดขึ้น”
เขตการศึกษาเมืองดีทรอยต์ซึ่งใหญ่ที่สุดในรัฐมิชิแกนได้สั่งงดการเรียนการสอนในชั้นเรียนตั้งแต่วันศุกร์นี้ (13) ไปจนถึงวันที่ 11 ม.ค. เป็นอย่างน้อย โดยให้สถานศึกษาต่างๆ ปรับไปใช้ระบบการสอนออนไลน์แทน
สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (IHME) อ้างแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ซึ่งประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตรายวันในสหรัฐฯ จะเพิ่มแตะระดับ 2,200 คนในช่วงกลางเดือน ม.ค. และมีผู้เสียชีวิตสะสมถึง 439,000 คนภายในวันที่ 1 มี.ค. หรือเกือบ 2 เท่าของตัวเลขในปัจจุบัน
ที่มา: รอยเตอร์