รอยเตอร์ - แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ระบุในวันศุกร์ (24 เม.ย.) ผลวิจัยพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เข้าสู่รัฐของเขาในตอนแรกนั้น เป็นสายพันธุ์ที่มาจากยุโรป ไม่ใช่จีน และชี้ว่า คำสั่งห้ามการเดินทางที่ประกาศโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้น สายเกินไปจนกระทั่งไม่สามารถสกัดการแพร่ระบาดได้
คูโอโมเผยเกี่ยวกับผลการศึกษาของบรรดานักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น ซึ่งคาดหมายว่า บางทีอาจมีชาวนิวยอร์กติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไปแล้วมากกว่า 10,000 คน ตั้งแต่ตอนที่ยืนยันพบเคสผู้ติดเชื้อเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 1 มีนาคม และเขาเชื่อว่าอิตาลีน่าจะเป็นแหล่งที่มาของโรค
ผู้ว่าการรัฐรายนี้เน้นว่า ทรัมป์ได้ออกคำสั่งห้ามผู้เดินทางจากจีนเข้าประเทศในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ หรือกว่า 1 เดือนหลังจากมีรายงานข่าวปรากฏขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในจีน ก่อนตัดสินใจจำกัดการเดินทางจากยุโรปในเดือนต่อมา ซึ่งในช่วงเวลานั้นไวรัสได้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯไปแล้ว
“เราเพิ่งลงมือ 2 เดือนหลังการแพร่ระบาดในจีน หากคุณลองมองย้อนกลับไป มีใครคิดบางว่าไวรัสจะยังคงรออยู่ในจีน รอให้เราดำเนินการต่างๆ ในอีก 2 เดือนต่อมา” คูโอโม กล่าว “ม้าพุ่งออกมาจากโรงนาแล้วตอนที่เราเพิ่งขยับตัว”
ความคิดเห็นของคูโอโม มีขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อประธานาธิบดี ทรัมป์ ว่า การแพร่ระบาดด้วยมาตรการที่น้อยเกินไปและสายเกินการณ์ โดยรัฐบาลกลางลังเลที่จะใช้มาตรการเข้มข้น เช่น ปิดเมืองเพราะห่วงผลกระทบทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ด้วยอำนาจรับมือโรคระบาดกระจายไปอยู่ในมือรัฐบาลท้องถิ่น แต่ละมลรัฐ แต่ละมหานคร ต่างแยกกันประกาศมาตรการหนักบ้างเบาบ้าง ทำให้ขาดเอกภาพในการรับมือ และกฎระเบียบด้านสาธารณสุขเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาขาดแคลนชุดตรวจเชื้อ ทำให้การสอบสวนโรคเป็นไปอย่างล่าช้า
ทรัมป์ พยายามโยนบาปไปที่จีน โดยครั้งหนึ่งเรียกมันว่า “ไวรัสจีน” และองค์การอนามัยโลก ซึ่งเขาสั่งระงับเงินสนับสนุนแก่หน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติแห่งนี้ โดยอ้างว่า บริหารจัดการที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง ลำเอียงให้ความสำคัญกับจีนมากเกินไปและออกคำแนะนำผิดๆ จนส่งผลให้ไวรัสโคโรนาระบาดใหญ่ไปทั้งโลก
นิวยอร์กเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หนักหน่วงที่สุดในสหรัฐฯ โดยจากข้อมูลล่าสุดของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ พบว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อทั่วประเทศราว 880,000 คน มีอยู่กว่า 270,000 คน อยู่ในนิวยอร์ก ในนั้นเสียชีวิตราว 21,000 คน จากผู้เสียชีวิตทั้งหมดราวๆ 50,000 คน