รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งเหนือ 50,000 ศพ ในวันศุกร์ (24 เม.ย.) จากการนับของรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในเวลาเพียง 10 วัน มากกว่าจำนวนทหารและพลเรือนอเมริกาที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี และไข้หวัดตามฤดูกาลบางปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการนับของสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า นอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิน 50,000 คนแล้ว ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯก็ทะลุ 875,000 คนแล้วเช่นกัน ขณะที่ในเดือนนี้ ในสหรัฐฯมีค่าเฉลี่ยเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ราวๆ 2,000 คน ในแต่ละวัน
ในส่วนของการนับของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ นั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดในสหรัฐฯอยู่ที่ 870,468 คน ในนั้นเสียชีวิต 50,031 คน
อย่างไรก็ตาม คาดหมายว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแต่ละรัฐมีปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่มีผ่านการฝึกฝน เช่นเดียวกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้น การตรวจเชื้อจึงดำเนินการได้อย่างจำกัด
ขณะเดียวกัน ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงก็น่าจะสูงกว่านี้เช่นกัน ด้วยเกือบทุกรัฐนับเฉพาะผู้เสียชีวิตตามโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราเท่านั้น ไม่รวมถึงผู้ป่วยที่เสียชีวิตในบ้าน โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด มีอยู่ 40% เกิดขึ้นในนิวยอร์ก รัฐซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์, มิชิแกน และ แมสซาชูเซตส์
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี) พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ ซึ่งสูงที่สุดในโลก เวลานี้แซงหน้าจำนวนอเมริกันชนที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลีระหว่างปี 1950-1953 จำนวน 36,516 ศพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้แล้ว ไวรัสโคโรนายังคร่าชีวิตผู้คนในสหรัฐฯมากกว่าไข้หวัดตามฤดูกาลในช่วง 7 จาก 9 ปีหลังสุด
ไข้หวัดตามฤดูกาลคร่าชีวิตผู้คนต่ำสุด 12,000 คน ในปี 2011-2012 และคร่าชีวิตอเมริกันชนสูงสุด 61,000 คน ในฤดูกาล 2017-2018
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเสียชีวิตในสหรัฐฯยังห่างไกลจากเมื่อครั้งเผชิญการแพร่ระบาดของไข้หวัดสเปน ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 1918 โดยคราวนั้นคร่าชีวิตอเมริกันชนไป 675,000 คน
ในส่วนของทั่วโลก ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตไปแล้วมากกว่า 190,000 ศพ นับตั้งแต่ที่มันเริ่มแพร่ระบาดในจีนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว โดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติที่มีประชากรมากสุดอันดับ 3 ของโลก มีผู้เสียชีวิตเกิน 1 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก ส่วนอันดับรองๆ ลงไปได้แก่ อิตาลี, สเปน และฝรั่งเศส
ทั้งนี้ ในบรรดา 20 อันดับแรก ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด สหรัฐฯรั้งอันดับที่ 9 โลกในอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร โดยสหรัฐฯมีอัตราการเสียชีวิต 1.5 คนต่อประชากร 10,000 คน ขณะที่เบลเยียมรั้งอันดับ 1 มีอัตราการเสียชีวิต 5 คนต่อประชากร 10,000 คน ตามด้วย สเปน, อิตาลี, ฝรั่งเศส และ สหราชอาณาจักร
คำสั่งหยุดอยู่บ้านอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถูกบังคับใช้ในความพยายามจำกัดการแพร่ระบาด กำลังก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เศรษฐกิจ ด้วยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสิทธิประโยชน์คนว่างงานครั้งแรกในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเป็น 26.5 ล้านคน
ในขณะที่บางรัฐบอกว่ามีแผนจะเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่พวกผู้เชี่ยวชาญและผู้ว่าการรัฐบางส่วนเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะผ่อนปรนข้อจำกัดต่าง ซึ่งอาจโหมกระพือการแพร่ระบาดระลอกใหม่
