เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สวีเดนเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศ พุ่งเกิน 2,000 ศพแล้ว พร้อมกับปรับแก้ถ้อยแถลงก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่บอกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรุงสตอกโฮล์มผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว
สำนักงานสาธารณสุขแห่งสวีเดนระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ รายใหม่ 751 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 16,755 คน และผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 2,021 คน หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 84 คน
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานได้แก้ไขรายงานที่เผยแพร่ในช่วงกลางสัปดาห์ เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรุงสตอกโฮล์ม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดในสวีเดน
เบื้องต้นในรายงานซึ่งอยู่บนพื้นฐานของโมเดลทางสถิติ ระบุว่า ภูมิภาคเมืองหลวงผ่านจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดเมื่อวันที่ 15 เมษายน ด้วยเชื่อว่ามีผู้ติดเชื้อที่แท้จริง 86,000 คน แต่ในรายงานวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) ทางสำนักงานสาธารณสุขได้แก้ไขเป็นวันที่ 8 เมษายน และเชื่อว่ามีผู้ติดเชื้อที่แท้จริง 70,500 คน
หน่วยงานแห่งนี้ยังคาดการณ์ด้วยว่าจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม จะมีผู้คนสตอกโฮล์มติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ราวๆ 26%
“จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาผ่อนปรนมาตรการระมัดระวังใดๆ” อันเดอร์ส วัลเลนสเตน รองผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาแห่งรัฐระบุในถ้อยถลง
สวีเดนไม่ได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ใดๆ เป็นพิเศษอย่างที่พบเห็นกันทั่วยุโรป โดยประเทศแห่งนี้เพียงขอให้ประชาชนมีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ทางการเพียงแค่ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน เช่นเดียวกับห้ามเดินทางไปยังบ้านพักคนชราต่างๆ เนื่องจากเป็นคนกลุ่มเสี่ยง
นอกจากนี้แล้ว สวีเดนยังอนุญาตให้โรงเรียน, โรงยิมนีเซียม, คาเฟ่, บาร์และร้านอาหารต่างๆ เปิดทำการตามปกติแม้มีการแพร่ระบาด
นโยบายของสวีเดนถูกจับตาและพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด เนื่องด้วยในตอนนี้อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของพวกเขา นำหน้าบรรดาชาติเพื่อนบ้านในแถบนอร์ดิก ไม่ว่าจะเป็นฟินแลนด์, เดนมาร์ก และนอร์เวย์ ค่อนข้างไกล ในขณะที่เพื่อนบ้านเหล่านี้ล้วนแต่บังคับใช้มาตรการควบคุมความเคลื่อนไหวเข้มข้นกว่า
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ายุทธศาสตร์ของสวีเดนท้ายที่สุดแล้วจะได้ผลหรือไม่ และแม้กระทั่งพวกผู้เชี่ยวชาญในสวีเดนเตือนว่ายังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป แต่ด้วยมาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวดที่หลายชาติบังคับใช้นั้นได้ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล แนวทางของสวีเดนจึงเป็นที่จับตาจากทั่วโลก
ส่วนหนึ่งของแนวทางนี้ก็คือต้องพึ่งพิงการเข้าถึงระบบสาธารณสุขเป็นอย่างมาก และด้วยที่สวีเดนเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบบบริการสุขภาพดีที่สุดในโลก ประเด็นนี้จึงไม่มีปัญหา โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่พบเห็นปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ใดๆ เช่นเดียวกับปัญหาคนไข้ล้นโรงพยาบาล