วัคซีนโควิด-19 “สปุตนิก 5” ของรัสเซีย มีประสิทธิภาพสูงถึง 92% ในการปกป้องผู้คนจากโควิด-19 กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่สนับสนุนโครงการวิจัยนี้ระบุในวันพุธ (11 พ.ย.) โดยกล่าวอ้างผลการทดลองชั่วคราว ขณะที่มอสโกเร่งรีบไล่กวดบรรดาผู้ผลิตยาตะวันตก ในการแข่งขันพัฒนาวัคซีนต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ผลการทดลองของรัสเซียถูกเผยแพร่ออกมาอย่างทันควัน หลังจากเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ย.) ทางไฟเซอร์ อิงก์ และไบโอเอ็นเทค เปิดเผยว่าวัคซีนทดลองของพวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่า 90% เช่นกัน
แม้บรรดาผู้เชี่ยวชาญบอกว่าข้อมูลของรัสเซียช่วยสร้างกำลังใจ และช่วยเสริมแนวคิดที่ว่าวัคซีนจะช่วยหยุดการแพร่ระบาดของไวรัส แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาเตือนว่าผลการทดลองดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานแค่อาสาสมัครผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น
ในการทดลองขั้นที่ 3 ของไฟเซอร์ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม อาสาสมัครครึ่งหนึ่งได้รับวัคซีน และอีกครึ่งหนึ่งได้รับยาหลอก แล้วรอให้มีอาสาสมัครติดเชื้อโคโรนาไวรัส ก่อนจะฟันธงว่าวัคซีนป้องกัน Covid-19 ได้หรือไม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีอาสาสมัครติดเชื้อแล้ว 94 คนจาก 44,000 คน
ส่วนของรัสเซียได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากอาสาสมัคร 20 คนติดเชื้อไวรัส ซึ่งน้อยกว่าการทดลองวัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์กับไบโอเอ็นเทคอย่างมาก
“ผมสันนิษฐานว่ามีแรงกดดันทางการเมือง หลังมีข่าวประชาสัมพันธ์จากไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคออกมาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ที่นำมาซึ่งการเปรียบเทียบกับข้อมูลของพวกเขาเอง” โบโด พลัชเตอร์ รองผู้อำนวยการสถาบันไวรัสวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยไมนซ์กล่าว “สิ่งที่พลาดไปในตอนนี้ก็คือการวิเคราะห์นัยสำคัญทางสถิติ”
เพื่อยืนยันระดับประสิทธิภาพของวัคซีน ไฟเซอร์บอกว่าจะเดินหน้าการทดลองไปจนกว่าจะมีอาสาสมัครติดเชื้อ 164 คน ส่วนทางกองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund) ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนสปุตนิก 5 บอกว่าจะเดินหน้าการทดลองในรัสเซียต่อไปอีก 6 เดือน
อเล็กซานเดอร์ กินท์สเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบันกามาเลยา ผู้พัฒนาวัคซีน บอกว่าผลชั่วคราวแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ สปุตนิก 5 และจะดำเนินโครงการฉีดวัคซีนหมู่ในรัสเซียอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์รอสซิยา-14 ในเวลาตอมา เขาคาดหมายว่าประชาชนในรัสเซียอย่างน้อย 1.5 ล้านคนจะได้รับวัคซีนในช่วงสิ้นปี พร้อมเผยด้วยว่ามีชาวรัสเซียได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วราวๆ 40,000 ถึง 45,000 คน
พวกนักวิทยาศาสตร์แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการเร่งรีบของมอสโก ทั้งด้านการวิจัยพัฒนา การด่วนอนุมัติของคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ และดำเนินโครงการฉีดวัคซีนหมู่ก่อนที่การทดลองเพื่อทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนจะเสร็จสมบูรณ์
การทดลองขั้น 3 วัคซีนสปุตนิก 5 มีขึ้นในคลินิก 29 แห่งทั่วมอสโก และมีอาสาสมัครเข้าร่วมรวมทั้งสิ้น 40,000 คน โดยในนั้นราว 1 ใน 4 ได้รับยาหลอก ทั้งนี้ ทางกองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ระบุว่าโอกาสติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่อาสาสมัครที่ฉีดวัคซีน สปุตนิก 5 นั้น ต่ำกว่าอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก ถึง 92%
ตัวเลขดังกล่าวถือว่าสูกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 50% สำหรับวัคซีนโควิด-19 ที่ทางหน่วยงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ กำหนดไว้เป็นอย่างมาก
กองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ระบุว่า ข้อมูลของการศึกษาจะมีการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชั้นนำ หลังผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญรายอื่นแล้ว โดยก่อนหน้านี้ในการทดลองขั้นต้น วัคซีนสปุตนิก 5 ได้ผ่านการทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญและเผยแพร่ในวารสารการแพทย์ “แลนเซต” เมื่อเดือนกันยายน
พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเช่นเดียวกับผลทดลองวัคซีนของไฟเซอร์ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานแค่ไหนหลังได้รับวัคซีนของรัสเซีย หรือมันจะมีประสิทธิภาพกับผู้ป่วยในแต่ละกลุ่มอายุต่างกันอย่างไร
“แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องสังเกตการณ์ในระยะยาว เพื่อหาข้อสรุปที่สมบูรณ์เกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของมัน เช่นเดียวกับอาสาสมัครของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค” พลัชเตอร์กล่าว
รัสเซียขึ้นทะเบียนวัคซีนสปุตนิก 5 สำหรับใช้กับประชาชนทั่วไป ในเดือนสิงหาคม ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ก่อนหน้าที่จะเริ่มการทดลองกลุ่มใหญ่ในเดือนกันยายน
จนถึงตอนนี้ นอกเหนือจากอาสาสมัครที่เข้าร่วมการทดลอง พวกเขาได้ฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 10,000 คน อาทิเหล่าคณะแพทย์และครูอาจารย์
ขณะเดียวกัน รัสเซียก็อยู่ระหว่างการทดลองวัคซีนอีกตัวที่ผลิตโดยสถาบันเวคเตอร์ในไซบีเรีย และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เผยว่า พวกเขาอยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ตัวที่ 3 และบอกว่าวัคซีนทั้ง 3 ตัวของประเทศ ล้วนแต่มีประสิทธิภาพ
รัสเซีย รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,851 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 432 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 1,836,960 คน สูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ, อินเดีย, บราซิล และฝรั่งเศส
(ที่มา : รอยเตอร์)
