โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันอังคาร (10 พ.ย.) ระบุว่าการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องน่าอายและสะท้อนถึงการสืบทอดแย่ๆ ของผู้กำลังเป็นอดีตรายนี้ อย่างไรก็ตามความพยายามกดดันดังกล่าวดูจะไม่ได้ผล เมื่อ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลปัจจุบัน ประกาศกร้าวว่า ทรัมป์ จะยังอยู่ในอำนาจต่อไป
“พูดตรงๆ เลย ผมคิดว่ามันน่าละอาย” ไบเดนกล่าว เมื่อถูกถามว่าเขาคิดอย่างไรต่อกรณีที่ ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน “ผมจะพูดอย่างไรดี ผมคิดว่ามันจะไม่ช่วยการสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีเลย” เมื่อถามว่า ถ้ามีโอกาสเขาจะพูดอะไรกับทรัมป์ ทางไบเดนตอบว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมตั้งตาคอยจะพูดกับคุณ”
อย่างไรก็ตาม ว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ยืนยันว่าการที่ทรัมป์ปฏิเสธช่วยเหลือ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลชุดใหม่ “ข้อเท็จจริงคือ การที่พวกเขาไม่ตั้งใจยอมรับว่าเราได้รับชัยชนะในตอนนี้ ไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อแผนของเรา” ไบเดนกล่าว โดยที่เขามองไปข้างหน้าสู่พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว
“ผมคิดว่าท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นในวันที่ 20 มกราคม ระหว่างตอนนี้จนถึงเวลานั้น ผมหวังและคาดหมายว่าประชาชนชาวอเมริกาจะได้รู้และเข้าใจการเปลี่ยนผ่าน” ไบเดนระบุ
คำกล่าวของไบเดน มีขึ้นในวันเดียวกับที่เขากับบรรดาผู้นำชาติพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ พูดคุยทางโทรศัพท์ และสัญญาว่าจะทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตามมันถูกเบรคทันควันจาก ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ, เอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ต่างแสดงความยินดีระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับไบเดน “ผมบอกให้พวกเขาทราบว่า อเมริกากลับมาแล้ว เรากำลังกลับเข้าสู่เกม มันไม่ใช่อเมริกาเพียงลำพัง” ไบเดน บอกกับผู้สื่อข่าวในเดลาแวร์ รัฐบ้านเกิดของเขา
ทีมเปลี่ยนผ่านบอกว่าไบเดนมีแผนร่วมทำงานกับสหภาพยุโรปในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เช่นเดียวกับภาวะโรคร้อน หนึ่งในหลายๆประเด็นที่ทรัมป์มีความเห็นต่างจากพันธมิตรอย่างรุนแรง
นอกเหนือจากทั้ง 3 ซึ่งเป็นผู้นำชาติในกลุ่มจี 7 แล้ว มีอีกหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงพันธมิตรผู้ใกล้ชิดกับทรัมป์บางส่วน ในนั้นรวมถึง เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ก็แสดงความยินดีกับไบเดนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ สหรัฐฯ ในวันอังคาร (10 พ.ย.) สัญญากับโลกว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น หลังศึกเลือกตั้งอเมริกา แต่ปฏิเสธรับรองชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยบอกว่า ทรัมป์ จะยังอยู่ในอำนาจต่อไป
สื่อมวลชนสหรัฐฯ หลายสำนักฟันธงเมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.) ว่า ไบเดน มีคะแนนเสียงทิ้งขาดในหลายรัฐสำคัญ และมีคะแนนป็อบปูลาร์โหวตมากกว่าประธานาธิบดีทรัมป์พอสมควร อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้และประกาศยื่นคัดค้านทางกฎหมาย กล่าวอ้างโดยไม่มอบหลักฐานใดๆ ว่ามีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬาร
เมื่อถูกถามว่าเมื่อเป็นดังนี้ สหรัฐฯ จะยังคงสามารถออกถ้อยแถลงต่างๆ เรียกร้องการเลือกตั้งอยางเสรีทั่วโลกได้เหมือนเดิมหรือไม่ พอมเพโอ ตอบกลับว่ามันเป็นคำถามที่น่าขัน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา “แคร์อย่างมาก ในการสร้างความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งทั่วโลกจะปลอดภัย อิสระและยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ของผมเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง เพื่อรับประกันว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้น”
การแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยต่อผลการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกของ พอมเพโอ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากทรัมป์ ไล่ มาร์ค เอสเปอร์ พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม บุคคลที่ ทรัมป์ มองมาช้านานว่าไม่ภักดีเพียพอ
จุดยืนของพอมเพโอจะถูกทดสอบครั้งสำคัญ เนื่องจากตั้งแต่วันศุกร์ (13 พ.ย.) เป็นต้นไป เขาจะออกเดินทางเยือน 7 ชาติพันธมิตร ซึ่งเหล่านั้นเพิ่งแสดงความยินดีกับไบเดน
เขาจะมุ่งหน้าสู่กรุงปารีสเป็นที่แรก ตามด้วยอิสตันบูลและจอร์เจีย จากนั้นก็จะมุ่งหน้าต่อไปยังเยรูซาเลมและ 3 ชาติพันธมิตรในอ่าวเปอร์เซีย ประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐเอมิเรตส์ และกาตาร์
ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ในวันอัคาร (10 พ.ย.) กลายเป็นผูู้นำคนล่าสุดที่แสดงความยินดีกับ ไบเดน และเร่งเร้ายกระดับความสัมพันธ์ใกล้ชิด แม้ว่าที่ประธานาธิบดีสหัฐฯ ประกาศเพิ่มความแรงกดดันต่อ แอร์โดอัน บุคคลที่เขามองว่าเป็นพวกเผด็จการ
รัสเซีย, จีน, เม็กซิโก และบราซิล เป็นหนึ่งในบรรดาประเทศเพียงไม่กี่ชาติที่ยังไม่แสดงความยินดีกับไบเดน
(ที่มา : เอเอฟพี)