ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (9 พ.ย.) เผยว่า ได้ไล่ มาร์ค เอสเปอร์ พ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการใช้เวลาในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่ง จัดการกับบรรดาบุคคลที่เห็นต่างภายในรัฐบาลของเขา หลังปราชัยในศึกเลือกตั้ง
ทรัมป์มีความเห็นแตกแยกกับ เอสเปอร์ ในหลายประเด็น และมีความไม่พอใจอย่างมาก ที่ เอสเปอร์ คัดค้านอย่างเปิดเผยต่อกรณีที่ ทรัมป์ ขู่ใช้กองกำลังทหารประจำการเข้าปราบปรามบรรดาผู้ประท้วงต่อต้านความไม่ยุติธรรมทางผิวสี ที่ออกมาชุมนุมต้ามท้องถนนสายต่างๆ หลังเกิดเหตุตำรวจสังหาร จอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ในมินนิอาโปลิส
บรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตแสดงปฏิกิริยาต่อข่าวคราวการปลดรัฐมนตรีกลาโกมด้วยความกังวล โดยบอกว่า ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เป็นการส่งสารที่อันตรายไปยังเหล่าอริศัตรูของอเมริกา และกัดเซาะความหวังการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมเข้ารับตำแหน่ง
“การไล่ออกรัฐมนตรีเอสเปอร์อย่างกะทันหัน เป็นหลักฐานแห่งความยุ่งเหยิงที่บ่งชี้ว่าประธานาธิบดี ทรัมป์ มีความตั้งใจใช้วันเวลาท้ายๆ ของเขาในตำแหน่ง หว่านความปั่นป่วนในประชาธิปไตยของอเมริกาและทั่วโลก” แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าว
ประธานาธิบดี ทรัมป์ เขียนบนทวิตเตอร์ว่า คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติ จะเข้ามารับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม “มาร์ค เอสเปอร์ ถูกกำจัด” ทรัมป์ระบุ พร้อมบอกว่า มิลเลอร์ จะเข้าามารักษาการ ซึ่งให้มีผลในทันที
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เอสเปอร์ เตรียมพร้อมสำหรับการลาออกหรือถูกไล่ออกมานานแล้ว ตามหลังศึกเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะหากทรัมป์คว้าชัยชนะกลับมาดำรงตำแหน่งสมัย 2 แต่ในข้อเท็จจริงก็คือเขาไล่เอสเปอร์ออก แม้กระทั่งหลังพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้ง
พอล ฟรายเมอร์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฟรินเซ็นตัน ให้ความเห็นว่า “การไล่ออกผ่านทวิตเตอร์ เป็นรูปแบบที่พบเห็นมาตลอดช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี” พร้อมเตือนว่านายแพทย์แอนโธนี เฟาซี อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ก็ตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากเขามีปัญหากระทบกระทั่งกับทรัมป์เช่นกัน
“เขาไม่สามารถควบคุมแรงกระตุ้นหรืออารมณ์โกรธของตนเอง เขาต้องการให้ทุกคนภักดีต่อเขา ทั้งด้านนโยบาย รัฐธรรมนูญหรืออะไรก็แล้วแต่” ฟรายเมอร์กล่าว
ทรัมป์ มีความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนักกับเพนตากอน เนื่องจากทั้ง เอสเปอร์และบรรดานายทหารระดับสูง ต่างไม่ต้องการถูกมองในฐานะเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์
จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมคนก่อนหน้า เอสเปอร์ ได้ลาออกในปี 2018 หลังมีความเห็นต่างทางนโยบายกับทรัมป์ ในนั้นรวมถึงประเด็นซีเรีย และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แมตทิส วิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ว่า “เป็นประธานาธิบดีคนแรกในช่วงชีวิตของผม ที่ไม่พยายามสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันแก่ประชาชนชาวอเมริกา ไม่แม้กระทั่งลองพยายาม แถมยังพยายามทำให้เราแตกแยก”
เช่นเดียวกับ แมตทิส ทางเอสเปอร์ ก็มีความเห็นต่างกับ ทรัมป์ เกี่ยวกับทัศนคติเชิงไม่แยแสต่อองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของทรัมป์ แม้เขาสนับสนุนเสียงเรียกร้องของประธานาธิบดี ที่ต้องการให้พันธมิตรแห่งนี้เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมก็ตาม
นอกจากนี้แล้ว เขายังมีความขัดแย้งกับทรัมป์ในอีกหลายประเด็น ในนั้นรวมถึงความประสงค์ของเอสเปอร์ที่จะปกป้องพันโท อเล็กซานเดอร์ วินด์แมน ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยูเครนของสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว จากการถูกแก้แค้นต่อกรณีที่ วินด์แมน เข้าเป็นพยานในการไต่สวนถอนถอนทรัมป์พ้นจากตำแหน่ง
(ที่มา: รอยเตอร์)