"โจ ไบเดน" ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศถึงเวลาเยียวยาอเมริกา ในคำปราศรัยแรก หลังบรรดาสื่อหลักๆ ฟันธงในวันเสาร์ (7 พ.ย.) ว่า เขาได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเป็นที่แน่นอนแล้ว แม้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง
ชัยชนะของ "โจ ไบเดน"ในเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ ช่วยให้เขาก้าวผ่านหลักชัยมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คน ที่จำเป็นสำหรับการก้าวเข้าสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี สิ้นสุด 4 วัน หลังความกระวนกระวาย และกระตุ้นให้บรรดาผู้สนับสนุนของเขาไหลบ่าออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนตามเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ
"ประชาชนของประเทศแห่งนี้ได้ส่งเสียงของพวกเขาแล้ว พวกเขามอบชัยชนะที่ชัดเจนแก่เรา ชัยชนะที่ไม่มีข้อสงสัย" ไบเดน กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุน ที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์ บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ระหว่างประกาศชัยชนะในเมืองวิลมิงตัน บ้านเกิดของเขา ในรัฐเดลาแวร์
"ผมสัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีที่ไม่แสวงหาความแตกแยก แต่แสวงหาความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน" จากนั้นเขาได้พูดถึงบรรดาผู้สนับสนุนของ ทรัมป์ โดยตรงว่า "ตอนนี้จงมอบโอกาสให้อีกฝ่าย มันถึงเวลาที่จะผลักไส ถ้อยคำรุนแรงให้หมดไป ลดอุณหภูมิ ดูแลกันและกันอีกครั้ง ฟังเสียงกันและกันอีกครั้ง นี่คือเวลาแห่งการเยียวยาในอเมริกา"
การปราศรัยครั้งนี้ วุฒิสมาชิก กมาลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดี ของไบเดน เป็นคนกล่าวเปิดตัวให้เขา ขณะที่เธอกลายเป็นผู้หญิงชาวผิวสีคนแรก และคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สารแสดงความยินดี ไหลบ่ามาจากต่างแดน ในนั้นรวมถึง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร, จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และ แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่ ทรัมป์ จะตอกย้ำ กล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานว่าเขาถูกโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยบอกว่า ไบเดนรีบร้อนประกาศตัวเป็นผู้ชนะอย่างผิดๆ ภายหลังสื่อใหญ่ๆ สหรัฐฯ ต่างขานชื่อไบเดน คว้าชัยแน่นอนแล้ว
"เราทั้งหมดต่างรู้ว่าทำไม โจ ไบเดน จึงรีบร้อนเพื่อแสดงตัวอย่างผิดๆว่าเป็นผู้ชนะ และทำไมพวกพันธมิตรสื่อของเขา จึงกำลังพยายามหนักเหลือเกินที่จะช่วยเหลือเขา : พวกเขาไม่ต้องการให้ความจริงได้รับการเปิดเผย"ทรัมป์ กล่าว และว่า ข้อเท็จจริงง่ายๆ ก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ยังห่างไกลจากการยุติจบสิ้น
ทรัมป์ ย้ำว่ารัฐต่างๆ ยังไม่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง และทีมรณรงค์หาเสียงของเขาเอง ก็ได้เริ่มการฟ้องร้องทางกฎหมายในหลายๆ คดี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เลือกตั้งตามรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ บอกว่าไม่พบหลักฐานการโกงอย่างมีนัยสำคัญ และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชี้ว่า ความพยายามของทรัมป์ ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
เอกชนไทยขานรับ"โจ ไบเดน"
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ชัยชนะของ โจ ไบเดน จะส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อเวทีศก. และการเมืองโลก โดยด้านศก.นั้น ไบเดน มีนโยบายที่จะอัดฉีดเงินกระตุ้นศก. ถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าทรัมป์เท่าตัว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อศก.โลกและศก.ไทย ในฐานะที่ไทยเป็นคู่ค้าการส่งออก
นอกจากนี้ ไบเดน จะให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นอุตสาหกรรมสะอาด และเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ดังนั้นภาคการผลิตและการค้าของไทย จะต้องมุ่งดูแลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะคาดว่าสหรัฐฯ จะหันมาสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มากขึ้น สิ่งนี้จะต้องปรับตัว รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเด็ก แรงงานผิดกม. จะถูกจับตามากขึ้น ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ BCG (Bio,Cicular,Green)จะได้รับผลบวก ดังนั้นไทยจะต้องปรับการค้าขายไปสู่แนวทางดังกล่าว
สำหรับในแง่การเมืองโลก อดีตที่ผ่านมาสหรัฐฯจะใช้เวทีการค้าต่างๆในโลก เป็นเครื่องมือที่ร่วมกับพันธมิตรในการดำเนินนโยบายกับประเทศใดประเทศหนึ่ง เพื่อคงความเป็นตำรวจโลก แต่ทรัมป์ จะให้น้ำหนักที่น้อยกว่า จะเห็นว่าทรัมป์ มีนโยบายพาทหารในต่างประเทศกลับบ้าน เพราะมองว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ เรียกว่าทรัมป์ ดำเนินนโยบายลักษณะห่างไกลจากเอเชีย แม้ว่าบ่อยครั้งที่ทรัมป์ แข็งกร้าวกับจีน กรณีไต้หวัน ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไร แต่นโยบายพรรคเดโมแครต ของ โจ ไบเดน ชัดเจนว่าบทบาทของสหรัฐฯในฐานะผู้นำโลกจะมีความข้มข้นมากขึ้น และจะกลับมามีบทบาทในเอเชียมากขึ้นด้วย
"ที่ผ่านมาทรัมป์ ยึดเศรษฐกิจเป็นหลักทั้ง การถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO)การถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงขอองสภาพภูมิอากาศ และการถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วน เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก 12 ประเทศ หรือ ทีพีพี (TPP)ที่ขณะนี้ญี่ปุ่นเป็นผู้นำ กลายมาเป็นข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก หรือ CPTPPเชื่อว่า โจ ไบเดน จะกลับมาใช้เวทีนี้อีกครั้ง ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด" นายเกรียงไกร กล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้า มีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้นกว่าอดีต และจะเดินไปยังทิศทางที่เสรีมากขึ้น มีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในเรื่องการค้า การบริการ และการลงทุน หรือ CPTPP เพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ซึ่งผู้ประกอบการไทย จำเป็นจะต้องพัฒนาสินค้าตัวเองมากขึ้นเพื่อรองรับกติกาที่อาจจะเปลี่ยนแปลง
ชัยชนะของ "โจ ไบเดน"ในเพนซิลเวเนีย รัฐสมรภูมิ ช่วยให้เขาก้าวผ่านหลักชัยมีคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งเกิน 270 คน ที่จำเป็นสำหรับการก้าวเข้าสู่เก้าอี้ประธานาธิบดี สิ้นสุด 4 วัน หลังความกระวนกระวาย และกระตุ้นให้บรรดาผู้สนับสนุนของเขาไหลบ่าออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนตามเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ
"ประชาชนของประเทศแห่งนี้ได้ส่งเสียงของพวกเขาแล้ว พวกเขามอบชัยชนะที่ชัดเจนแก่เรา ชัยชนะที่ไม่มีข้อสงสัย" ไบเดน กล่าวกับบรรดาผู้สนับสนุน ที่ต่างพากันส่งเสียงเชียร์ บริเวณลานจอดรถแห่งหนึ่ง ระหว่างประกาศชัยชนะในเมืองวิลมิงตัน บ้านเกิดของเขา ในรัฐเดลาแวร์
"ผมสัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีที่ไม่แสวงหาความแตกแยก แต่แสวงหาความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน" จากนั้นเขาได้พูดถึงบรรดาผู้สนับสนุนของ ทรัมป์ โดยตรงว่า "ตอนนี้จงมอบโอกาสให้อีกฝ่าย มันถึงเวลาที่จะผลักไส ถ้อยคำรุนแรงให้หมดไป ลดอุณหภูมิ ดูแลกันและกันอีกครั้ง ฟังเสียงกันและกันอีกครั้ง นี่คือเวลาแห่งการเยียวยาในอเมริกา"
การปราศรัยครั้งนี้ วุฒิสมาชิก กมาลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดี ของไบเดน เป็นคนกล่าวเปิดตัวให้เขา ขณะที่เธอกลายเป็นผู้หญิงชาวผิวสีคนแรก และคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สารแสดงความยินดี ไหลบ่ามาจากต่างแดน ในนั้นรวมถึง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร, จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และ แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากที่ ทรัมป์ จะตอกย้ำ กล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานว่าเขาถูกโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยบอกว่า ไบเดนรีบร้อนประกาศตัวเป็นผู้ชนะอย่างผิดๆ ภายหลังสื่อใหญ่ๆ สหรัฐฯ ต่างขานชื่อไบเดน คว้าชัยแน่นอนแล้ว
"เราทั้งหมดต่างรู้ว่าทำไม โจ ไบเดน จึงรีบร้อนเพื่อแสดงตัวอย่างผิดๆว่าเป็นผู้ชนะ และทำไมพวกพันธมิตรสื่อของเขา จึงกำลังพยายามหนักเหลือเกินที่จะช่วยเหลือเขา : พวกเขาไม่ต้องการให้ความจริงได้รับการเปิดเผย"ทรัมป์ กล่าว และว่า ข้อเท็จจริงง่ายๆ ก็คือการเลือกตั้งครั้งนี้ยังห่างไกลจากการยุติจบสิ้น
ทรัมป์ ย้ำว่ารัฐต่างๆ ยังไม่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง และทีมรณรงค์หาเสียงของเขาเอง ก็ได้เริ่มการฟ้องร้องทางกฎหมายในหลายๆ คดี
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เลือกตั้งตามรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ บอกว่าไม่พบหลักฐานการโกงอย่างมีนัยสำคัญ และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชี้ว่า ความพยายามของทรัมป์ ไม่น่าจะประสบความสำเร็จ
เอกชนไทยขานรับ"โจ ไบเดน"
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ชัยชนะของ โจ ไบเดน จะส่งผลเปลี่ยนแปลงต่อเวทีศก. และการเมืองโลก โดยด้านศก.นั้น ไบเดน มีนโยบายที่จะอัดฉีดเงินกระตุ้นศก. ถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าทรัมป์เท่าตัว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อศก.โลกและศก.ไทย ในฐานะที่ไทยเป็นคู่ค้าการส่งออก
นอกจากนี้ ไบเดน จะให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นอุตสาหกรรมสะอาด และเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น ดังนั้นภาคการผลิตและการค้าของไทย จะต้องมุ่งดูแลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาป อาจจะได้รับผลกระทบ เพราะคาดว่าสหรัฐฯ จะหันมาสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มากขึ้น สิ่งนี้จะต้องปรับตัว รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเด็ก แรงงานผิดกม. จะถูกจับตามากขึ้น ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ BCG (Bio,Cicular,Green)จะได้รับผลบวก ดังนั้นไทยจะต้องปรับการค้าขายไปสู่แนวทางดังกล่าว
สำหรับในแง่การเมืองโลก อดีตที่ผ่านมาสหรัฐฯจะใช้เวทีการค้าต่างๆในโลก เป็นเครื่องมือที่ร่วมกับพันธมิตรในการดำเนินนโยบายกับประเทศใดประเทศหนึ่ง เพื่อคงความเป็นตำรวจโลก แต่ทรัมป์ จะให้น้ำหนักที่น้อยกว่า จะเห็นว่าทรัมป์ มีนโยบายพาทหารในต่างประเทศกลับบ้าน เพราะมองว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ เรียกว่าทรัมป์ ดำเนินนโยบายลักษณะห่างไกลจากเอเชีย แม้ว่าบ่อยครั้งที่ทรัมป์ แข็งกร้าวกับจีน กรณีไต้หวัน ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไร แต่นโยบายพรรคเดโมแครต ของ โจ ไบเดน ชัดเจนว่าบทบาทของสหรัฐฯในฐานะผู้นำโลกจะมีความข้มข้นมากขึ้น และจะกลับมามีบทบาทในเอเชียมากขึ้นด้วย
"ที่ผ่านมาทรัมป์ ยึดเศรษฐกิจเป็นหลักทั้ง การถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO)การถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงขอองสภาพภูมิอากาศ และการถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วน เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก 12 ประเทศ หรือ ทีพีพี (TPP)ที่ขณะนี้ญี่ปุ่นเป็นผู้นำ กลายมาเป็นข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก หรือ CPTPPเชื่อว่า โจ ไบเดน จะกลับมาใช้เวทีนี้อีกครั้ง ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด" นายเกรียงไกร กล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้า มีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้นกว่าอดีต และจะเดินไปยังทิศทางที่เสรีมากขึ้น มีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะเข้าเป็นสมาชิกในกลุ่มประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในเรื่องการค้า การบริการ และการลงทุน หรือ CPTPP เพื่อสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิก ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ซึ่งผู้ประกอบการไทย จำเป็นจะต้องพัฒนาสินค้าตัวเองมากขึ้นเพื่อรองรับกติกาที่อาจจะเปลี่ยนแปลง