xs
xsm
sm
md
lg

IMF ชี้วิกฤต ศก.โลกปีนี้เบากว่าที่คาด แต่ ‘โควิด’ ยังจะส่งผลเสียหายอีกหลายปี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จิตา โกปินาถ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ  ขณะให้สำนักข่าวเอเอฟพีถ่ายภาพ ที่ด้านนอกอาคารสำนักงานใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในกรุงวอชิงตัน วันอังคาร (13 ต.ค.)
เอเจนซีส์ - “ไอเอ็มเอฟ” ระบุ วิกฤตเศรษฐกิจโลกปีนี้ ไม่เลวร้ายสาหัสขนาดที่กลัวกันแต่แรก ถึงแม้จีดีพียังคงหดตัว 4.4% และความเสียหายจากโรคระบาดใหญ่ “โควิด-19” จะส่งผลนานหลายปี พร้อมกันนี้ ยังย้ำเตือนภาครัฐไม่ให้ยกเลิกมาตรการค้ำชูสนับสนุนเศรษฐกิจเร็วเกินไป

รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุด ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (13 ต.ค.) ระบุว่า มาตรการกระตุ้นอย่างรวดเร็วและขนาดใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อนเป็นจำนวนรวมถึง 12 ล้านล้านดอลลาร์ของรัฐบาล และธนาคารกลางทั่วโลก มีบทบาทช่วยประคับประคองเศรษฐกิจในปีนี้ แต่การที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงระบาดไม่หยุดเท่ากับว่า แนวโน้มข้างหน้ายังไร้ความแน่นอนสูง

จิตา โกปินาถ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ ระบุในรายงานฉบับนี้ที่เผยแพร่ก่อนหน้าการประชุมประจำปีไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก ซึ่งครั้งนี้จัดแบบเสมือนจริงว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นด้วยอาการรุนแรงน้อยกว่าที่คาดกัน แต่ยังคงหยั่งรากลึก และการหลุดพ้นจากหายนะนี้มีแนวโน้มต้องใช้เวลานาน อีกทั้งมีความไม่แน่นอนสูง และเตือนซ้ำถึงอันตรายจากการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเร็วเกินไป

รายงานล่าสุดคาดการณ์อัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั่วโลกปีนี้ว่าอยู่ที่ ติดลบ 4.4% ดีขึ้น 0.8% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ทว่าลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับปีหน้าว่าจะเติบโตที่บวก 5.2% จากที่เคยให้ไว้ 5.4%

โกปินาถเสริมว่า การปรับเพิ่มการคาดการณ์ครั้งล่าสุดนี้เมื่อเปรียบเทียบกับการคาดการณ์ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2 ตกต่ำน้อยกว่าที่คาด

สำหรับอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ รายงานของไอเอ็มเอฟฉบับนี้ทำนายว่า สหรัฐฯปีนี้จะติดลบ 4.3% (ดีขึ้นมา 3.7% จากการคาดการณ์เดือน มิ.ย.) ก่อนขยายตัวได้ 3.9% ในปีหน้า (ลดลง 1.4% จากการคาดการณ์ครั้งก่อน)

ส่วนจีน ซึ่งพบไวรัสโคโรนาเป็นประเทศแรก ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและจีดีพีปีนี้อาจเดินหน้าขยายตัวได้ 1.9% (+0.9%) และ 8.2% ในปีหน้า (เท่าเดิม)

ทั้งนี้ โกปินาถตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าไม่นับรวมจีนแล้ว เศรษฐกิจโลกโดยรวมในปีหน้าก็จะยังติดลบต่อไป

ขณะเดียวกัน แม้จีดีพีของประเทศส่วนใหญ่มีแนวโน้มกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดภายในปี 2022 แต่สำหรับละตินอเมริกาต้องรอจนถึงปี 2023

ประเทศ อาทิ อินเดีย สเปน อิตาลี จะเห็นอัตราเติบโตติดลบเป็นตัวเลขสองหลักในปีปัจจุบัน ส่วนอังกฤษมีแนวโน้มติดลบ 9.8%

โกปินาถย้ำข้อความจากไอเอ็มเอฟว่า ภาครัฐต้องให้การสนับสนุนต่อเนื่อง โดยตั้งข้อสังเกตระดับความเสียหายจากไวรัสที่ทำให้คนตกงานจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตเกินล้านคน และเสริมว่า มาตรการกระตุ้นครั้งใหม่ของอเมริกาภายใต้กฎหมายแคร์สที่อนุมัติในเดือนมีนาคมมูลค่า 2.2 ล้านล้าน จะช่วยดันจีดีพีขยับขึ้น 2% ในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั่วโลก

เธอชี้ว่า ถ้าทำให้วิกฤตไวรัสจบเร็วขึ้นก็จะสามารถให้การสนับสนุนด้านรายได้แก่ครัวเรือนได้ต่อ ป้องกันการล้มละลายและตำแหน่งงาน และทำให้เศรษฐกิจฟื้นเร็วขึ้น

อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟเตือนว่า ทันทีที่วิกฤตจบลง เศรษฐกิจส่วนใหญ่จะเผชิญความเสียหายของศักยภาพด้านอุปทาน (supply) ที่ส่งผลยาวนาน สะท้อนบาดแผลจากภาวะถดถอยรุนแรงของปีนี้

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอลงมาอยู่ที่ระดับ 3.5% ในระยะกลาง และสูญเสียผลผลิต 28 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะ 5 ปีจนถึงปี 2025 เปรียบเทียบกับการคาดการณ์ก่อนเกิดโรคระบาด

ไอเอ็มเอฟยังเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย และอัดฉีดโดยตรงให้แก่โครงการที่ส่งเสริมศักยภาพการผลิต ซึ่งรวมถึงการลงทุนในพลังงานสีเขียวและการศึกษา

นอกจากนี้ ขณะที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ผู้วางนโยบายยังอาจต้องขึ้นภาษีกับกลุ่มผู้มีรายได้สูงสุด อุดช่องโหว่และการลดหย่อนภาษี และตรวจสอบว่า ภาคธุรกิจจ่ายภาษีในสัดส่วนที่เป็นธรรมควบคู่กับลดการใช้จ่ายที่ไร้ประโยชน์

โกปินาถทิ้งท้ายว่า วิกฤตขณะนี้ถือว่า เลวร้ายที่สุดนับจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1930 และเน้นย้ำบทบาทของนวัตกรรมในการเป็นด่านหน้าเพื่อการฟื้นตัวทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ

ท่าเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ ที่เมืองเหลียนอิ๋ว์นกั่ง ในมณฑลเจียงซู ทางภาคตะวันออกของจีน เมื่อวันอังคาร (13 ต.ค.)  ทั้งนี้รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดของไอเอ็มเอฟ  ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้จะโต้ได้ 1.9% จากก่อนหน้านี้พยากรณ์ในเดือนมิ.ย.ว่าจะโต 0.9%
กำลังโหลดความคิดเห็น