เอเจนซีส์ - อาเซอร์ไบจาน-อาร์เมเนีย ยังคงรบกันดุเดือดเป็นวันที่ 2 เมื่อวันจันทร์ (28) ส่งผลให้ทหารและพลเรือนของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตเฉียด 40 คน และบาดเจ็บอีกเป็นร้อย โดยที่มีการใช้ทั้งกำลังทางอากาศ, ขีปนาวุธ และรถถังขนาดหนัก นานาชาติเรียกร้องหยุดยิงทันที หวั่นความขัดแย้งบานปลายเป็นสงครามเต็มขึ้น และชักชวนขาใหญ่อย่างรัสเซียกับตุรกีร่วมวง
กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งเป็นดินแดนของอาร์เมเนียที่แยกตัวมาจากอาเซอร์ไบจาน เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า นักรบของตนเสียชีวิตอีก 15 คน รวมผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย 39 คน
อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานที่ต่างเป็นอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียต มีข้อพิพาทกันเกี่ยวกับภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค มาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่ก่อนสหภาพโซเวียตล่มสลายด้วยซ้ำ โดยที่ดินแดนเทือกเขาสูงซึ่งอยู่ระหว่างสองประเทศแห่งนี้ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เมเนียซึ่งเป็นชาวคริสต์ แต่อยู่ในการปกครองของอาเซอร์ไบจานซึ่งเป็นชาติมุสลิม
นากอร์โน-คาราบัค ได้ประกาศเอกราช หลังสงครามระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1980 ถึงต้นทศวรรษ 1990 ที่มีผู้เสียชีวิต 30,000 คน แต่ไม่มีประเทศใด รวมถึงอาร์เมเนีย ให้การรับรอง ถึงแม้ในทางพฤตินัยแล้วอาร์เมเนียได้เข้ายึดดินแดนอาเซอร์ไบจานในบริเวณนี้ รวมทั้งให้การสนับสนุนแก่พวกแบ่งแยกดินแดน และต่อจากนั้นมา ทั้งสองฝ่ายได้เกิดการปะทะกันเป็นระยะๆ โดยบางครั้งก็ขยายตัวรุนแรงอย่างเช่นในปี 2016 และในคราวนี้
กระทรวงกลาโหมของดินแดนคาราบัค แถลงเมื่อวันจันทร์ ว่า นักรบของตนเสียชีวิตในเหตุการณ์สู้รบครั้งนี้ 32 คน และตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้มีพลเรือนของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต 7 คน
แม้ทางฝั่งอาเซอร์ไบจานยังไม่ได้ออกมาแถลงรายละเอียดความสูญเสีย แต่ ชูชาน สเตปันยัน โฆษกหญิงของกระทรวงกลาโหมอาร์เมเนีย อ้างว่า ทหารอาเซอร์ไบจานตายนับสิบในการสู้รบเมื่อคืนวันอาทิตย์ (27) และยืนยันว่า ยังคงมีการปะทะกันดุเดือดในช่วงเช้าวันจันทร์ตามแนวชายแดน รวมทั้งอ้างว่า กองกำลังอาร์เมเนียยึดพื้นที่คืนจากอาเซอร์ไบจานได้หลายแห่ง
ทว่า กระทรวงกลาโหมอาเซอร์ไบจาน กลับอ้างว่า โจมตีตำแหน่งที่ตั้งของข้าศึกด้วยจรวดหลายลำกล้อง รวมทั้งยึดพื้นที่ทางยุทธศาสตร์หลายแห่งรอบหมู่บ้านทาลิชและศัตรูกำลังล่าถอยออกไป
เจ้าหน้าที่ของกองทัพอาร์เมเนีย ระบุว่า กองกำลังอาเซอร์ไบจานยังคงโจมตีที่ตั้งของกลุ่มกบฏด้วยปืนใหญ่ ขณะที่กระทรวงกลาโหมอาเซอร์ไบจาน กล่าวหากลุ่มแบ่งแยกดินแดนเป็นฝ่ายระดมยืงปืนใหญ่โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเมืองเตอร์เตอร์
อาเซอร์ไบจานยังอ้างว่า สังหารกองกำลังแบ่งแยกดินแดนถึง 550 นาย ทว่า อาร์เมเนียโต้ว่า ไม่เป็นความจริง
การต่อสู้ระหว่างอาเซอร์ไบจาน กับอาร์เมเนีย ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก ว่า อาจชักชวนผู้เล่นสำคัญในภูมิภาคร่วมวงด้วย เช่น รัสเซียที่เป็นพันธมิตรทางทหารกับอาร์เมเนีย และตุรกีที่สนับสนุนอาเซอร์ไบจาน
สถานการณ์นี้ยังน่าวิตกในแง่เสถียรภาพในภูมิภาคคอเคซัสใต้ซึ่งมีท่อส่งน้ำมันและก๊าซมากมายทอดผ่านไปยังตลาดโลก
อาร์เมเนียกล่าวหาตุรกีแทรกแซงในสถานการณ์ความขัดแย้งล่าสุด ทั้งยังส่งทหารรับจ้างไปช่วยอาเซอร์ไบจานรบ
ด้าน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อเมริกา สหภาพยุโรป และ รัสเซีย เรียกร้องให้คู่กรณีหยุดยิง
เวลาเดียวกัน อาร์เมเนียและคาราบัคประกาศกฎอัยการศึกและเคลื่อนย้ายกำลังพลเมื่อวันอาทิตย์ ขณะที่อาเซอร์ไบจานบังคับใช้กฎทางทหารและเคอร์ฟิวในเมืองใหญ่ต่างๆ
ตั้งแต่บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในปี 1994 การเจรจาระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานเพื่อยุติความขัดแย้งอยู่ในภาวะหยุดชะงัก และนักวิเคราะห์เรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มความพยายามเพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ฝรั่งเศส รัสเซีย และอเมริกา ร่วมกันผลักดันการเจรจาสันติภาพในชื่อ “กลุ่มมินสก์” แต่ความพยายามครั้งใหญ่ได้ล่มสลายลงในปี 2010