เอเจนซีส์ - วัคซีนเพื่อใช้ป้องกันโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อาจเป็นแคนดิเดตที่มีแววที่สุดและมีความคืบหน้าในการพัฒนามากที่สุด ต้องประกาศในวันอังคาร (8 ก.ย.) พักการทดสอบอย่างน้อยก็ชั่วคราว หลังพบอาสาสมัครเกิดอาการป่วยที่ยังหาคำอธิบายไม่ได้ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง 9 บริษัทที่เป็นผู้นำการพัฒนาวัคซีนร่วมกันประกาศ “คำสัญญาครั้งประวัติศาสตร์” ในการยึดมั่นความปลอดภัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่าให้น้ำหนักกับแรงกดดันทางการเมือง
การระงับการทดสอบของแอสตราเซเนกาครั้งนี้ เป็นการลดทอนความหวังที่โลกจะมีวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาในเร็ววัน และยังเกิดขึ้นขณะที่สหรัฐฯ เตรียมเร่งรัดอนุมัติให้ใช้วัคซีนอย่างน้อยสักตัวหนึ่ง ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
แอสตราเซเนกา บริษัทยาชั้นนำของอังกฤษแถลงว่า บริษัทสมัครใจระงับการทดสอบวัคซีนเพื่อให้คณะกรรมการอิสระเข้าตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัย และบริษัทกำลังเร่งดำเนินการเพื่อลดแนวโน้มผลกระทบที่อาจเกิดกับกำหนดเวลาในการทดสอบ
อย่างไรก็ดี แอสตราเซเนกายืนยันว่า นี่เป็นกระบวนการปกติที่ต้องดำเนินการเมื่อพบอาการป่วยที่อธิบายไม่ได้ในอาสาสมัคร
ยังไม่มีการเปิดเผยอาการป่วยดังกล่าว เพียงแต่คาดว่าอาสาสมัครผู้นั้นจะสามารถหายดีได้ แต่สแตท นิวส์ที่รายงานเรื่องนี้เป็นรายแรก ระบุว่า การระงับการทดสอบอาจเนื่องมาจากอาสาสมัครเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรง
ด้านนิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่รับรู้สถานการณ์ดังกล่าวว่า อาสาสมัครคนหนึ่งที่อยู่ในสหราชอาณาจักรมีอาการไขสันหลังอักเสบ ซึ่งปกติแล้วมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเชื่อมโยงโดยตรงกับวัคซีนของแอสตราเซเนกาหรือไม่
วัคซีนดังกล่าวมีชื่อรหัสว่า เอแซดดี 1222 โดยเป็นการร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษ และอยู่ระหว่างการทดสอบในขั้น 3 ซึ่งก็คือในกลุ่มคนขนาดใหญ่ ทั้งในอเมริกา อังกฤษ บราซิล และแอฟริกาใต้ รวมทั้งมีแผนทดสอบเพิ่มในญี่ปุ่นและรัสเซียในอนาคต ภายใต้เป้าหมายในการทดสอบกับอาสาสมัคร 50,000 คนทั่วโลก
วัคซีนตัวนี้ยังได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกว่า อาจเป็นแคนดิเดตที่มีแววที่สุดและมีความคืบหน้าในการพัฒนามากที่สุด
ทางด้าน เดวิด โล ศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ชี้ว่า การระงับการทดสอบอาจเป็นแค่มาตรการป้องกันไว้ก่อน ไม่ใช่การยกเลิกโดยสิ้นเชิง และว่าอาสาสมัครอาจมีอาการไข้และเจ็บปวดซึ่งเป็นปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่อาจรุนแรงกว่าปกติเท่านั้น
วันเดียวกันนั้น พวกบริษัทที่เป็นผู้นำการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในอเมริกาและยุโรปรวม 9 แห่ง ร่วมกันประกาศ “คำสัญญาครั้งประวัติศาสตร์” ว่าจะยึดถือความปลอดภัยทางวิทยาศาสตร์และมาตรฐานประสิทธิภาพในการทดสอบวัคซีน แม้มีความจำเป็นเร่งด่วนในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม
บริษัททั้ง 9 ที่ต่างอยู่ในขั้นตอนท้ายๆ ของการทดสอบวัคซีนเฟส 3 ประกอบด้วยแอสตราเซเนกา, โมเดอร์นา, ไฟเซอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, เมิร์ก แอนด์ โค, แกล็กโซสมิธไคลน์, โนวาแว็กซ์, ซาโนฟี, และไบโอเอ็นเทค
การประกาศครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเกิดความกังวลมากขึ้นว่า มาตรฐานความปลอดภัยอาจถูกละเลยจากความกดดันทางการเมืองที่ต้องการเร่งรัดนำวัคซีนออกใช้
บริษัทเหล่านี้กล่าวว่า จะยึดถือความสมบูรณ์ของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ระหว่างการพัฒนา ในการทำเรื่องขออนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ต่อหน่วยงานคุมกฎทั่วโลก
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวในการพัฒนาวัคซีนนี้มีขึ้นขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากวิกฤตโรคระบาดใกล้ถึง 900,000 คน และผู้ติดเชื้อมากกว่า 27 ล้านคน โดยเฉพาะที่อินเดียนั้น รายงานระบุว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงวันพุธ (9) ถึง 89,706 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบัน อินเดียเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา ด้วยตัวเลข 4.37 ล้านคน และอันดับ 3 ในแง่จำนวนผู้เสียชีวิต รองจากอเมริกาและบราซิล โดยล่าสุดพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,115 คน รวมเป็น 73,890 คน
กระนั้น รัฐบาลอ้างความจำเป็นในทางเศรษฐกิจ จึงยังคงเดินหน้าเปิดโรงเรียนปลายเดือนนี้หลังจากปิดมากว่า 5 เดือน และยังเตรียมเปิดทัชมาฮาลให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 21 เดือนนี้ แต่จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวรอบละ 5,000 คน