ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์(31ส.ค.) เลือกยืนอยู่ข้างวัยรุ่นอายุ 17 ปีคนหนึ่ง ซึ่งถูกตั้งข้อหาฆ่า 2 ศพ ระหว่างการประท้วงต่อต้านเหยียดผิวในเมืองโคโรนา รัฐวิสคอนซิน ระบุมือปืนที่ถูกกล่าวหาพยายามหนีออกมาแล้ว และมีสิทธิ์ถูกพวกผู้ชุมนุมฆ่า หากว่าเขาไม่เปิดฉากยิง
ในวันอังคาร(1ก.ย.) ทรัมป์ จะเดินทางเยือนเมืองเคโนชา ดินแดนที่เกิดการประท้วงต่อต้านพฤติกรรมโหดเหี้ยมของตำรวจและการเหยียดผิว มาตั้งแต่ จาค็อบ เบล็ค ชายผิวสีวัย 29 ปี ถูกตำรวจรัวยิง 7 นัด เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม จนเป็นอัมพาต
คืนที่ 3 ของการประท้วง ไคล์ ริทเทนเฮาส์ วัย 17 ปี ก่อเหตุใช้ปืนไรเฟิลยิงผู้ประท้วง 3 คน ในนั้น 2 คนเสียชีวิตและอีกรายได้รับบาดเจ็บ
"เขาพยายามหนีห่างจากผู้ประท้วง แต่พอเขาล้มลง พวกเขาก็เล่นงานเขาด้วยความรุนแรงอย่างมาก" ทรัมป์กล่าว "ผมเดาว่าเขาตกอยู่ในปัญหาใหญ่หลวง บางทีเขาอาจจะถูกฆ่า"
ริทเทนเฮาส์ ถูกตั้งข้อหาในฐานะบุคคลบรรลุนิติภาวะ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน 2 กระทงและข้อหาพยายามฆ่า 1 กระทง
ทรัมป์ ซึ่งหยิบฉวยเอาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ปฏิเสธประณามพฤติกรรมรุนแรงจากฝีมือผู้สนับสนุนเขา ขณะเดียวกันก็โวยวายต่อสิ่งที่เขาเรียกว่าเหตุก่อจลาจลและอนาธิปไตยโดยฝีมือของพวกผู้ประท้วงฝ่ายซ้าย
อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว คู่แข่งของทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน กล่าวหา ทรัมป์ ใช้คำพูดปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง พร้อมกับยืนกรานว่าพวกก่อจลาจลและปล้นสะดมต้องถูกดำเนินคดี
ทรัมป์ พยายามชี้ว่าความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหาก ไบเดน ชนะเลือกตั้ง และกล่าวหาอดีตรองประธานาธิบดีว่ายอมก้มหัวให้กับม็อบฝ่ายซ้าย "ในอเมริกา เราไม่เคยยอมจำนนให้กฎของม็อบ เพราะว่าหากมีกฎของม็อบ ประชาธิปไตยก็จะตายสนิท" ทรัมป์กล่าว
เหตุรัวยิง เบล็ค ต่อหน้าลูกๆ 3 คนในเมืองเคโนชา ซึ่งมีประชากรราวๆ 100,000 คน โหมกระพือระลอกคลื่นใหม่ของการประท้วงต่อต้านพฤติกรรมโหดเหี้ยมของตำรวจและการเหยียดผิว
การประท้วงเมื่อช่วงฤดูร้อน โหมกระพือขึ้นหลังปรากฏวิดีโอตำรวจมินนิอาโปลิสนายหนึ่ง นั่งเอาเข่ากดทับคอ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวสี เป็นเวลาเกือบ 9 นาที ก่อนที่ ฟลอยด์ จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และนับตั้งแต่นั้นเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ถูกไล่ออกและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม
โฆษกทำเนียบขาวบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ทรัมป์ มีแผนลงพื้นที่สำรวจความเสียหายในเคโนชา และพบปะกับบรรดาเจ้าของธุรกิจ เพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องของผู้นำบางส่วนทั้งในระดับรัฐและท้องถิ่น ที่ขอให้เขายกเลิกแผนเดินทางเยือน
อย่างไรก็ตามในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ทรัมป์ ไม่มีกำหนดพบปะกับครอบครัวของเบล็ค
(ที่มา: รอยเตอร์)