xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ เดินทางไป ‘เมืองเคโนชา’ ที่เกิดประท้วงเดือด เร่งหาเสียงใช้ไม้แข็งสร้าง ‘ความสงบเรียบร้อย’ กลบจุดอ่อนตัวเองเรื่อง ‘โควิด’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อาสาสมัครช่วยกันวาดภาพฝาผนังในย่านธุรกิจในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน เมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ในงานซึ่งจัดขึ้นเพื่อหาเงินบริจาคช่วยเหลือชาวเมืองเคโนชาและธุรกิจต่างๆ ซึ่งเดือดร้อนจากการประท้วงรุนแรงที่ปะทุขึ้นทั่วเมืองภายหลังตำรวจยิงชายผิวดำ จาค็อบ เบล็ค
เอเจนซีส์ – “ทรัมป์” เร่งเครื่องชูเรื่อง “ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” ที่กลายเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์หาเสียงของเขาและพรรครีพับลิกัน ด้วยการเดินทางไปยังเมืองเคโนชา ซึ่งเป็นจุดปะทุล่าสุดของความปั่นป่วนวุ่นวายจากกระแสการประท้วงภายหลังตำรวจผิวขาวยิงใส่กลางหลังคนดำ ถึงแม้ผู้คนในท้องถิ่นบอกว่าไม่ต้องการต้อนรับเขา ขณะที่ “ไบเดน” กล่าวปราศรัยจวกซ้ำประธานาธิบดีสหรัฐฯคือผู้ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ประกาศระหว่างปราศรัยในเมืองพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) ว่า การก่อจลาจลและปล้นไม่ถือเป็นการประท้วง และสมควรถูกดำเนินคดี

คำประกาศของไบเดนถือเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวที่สุดต่อข้อกล่าวหาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเขาอ่อนเรื่องอาชญากรรม รวมถึงการกล่าวหาว่า บรรดาผู้นำท้องถิ่นที่เป็นชาวเดโมแครตไม่สามารถควบคุมการประท้วงได้ ทำให้หลายพื้นที่เกิดการลุกลามเป็นความรุนแรง

อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ยังโจมตีซ้ำว่า ทรัมป์ไม่ได้ทำให้ความรุนแรงยุติ ซ้ำยั่วยุให้ลุกลามกว่าเดิมเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง รวมทั้งบอกว่า อเมริกาภายใต้ทรัมป์ไม่มีวันปลอดภัยขึ้นจากโควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตไปแล้วนับแสน ตลอดจนทำให้เศรษฐกิจของประเทศง่อยเปลี้ยเสียหาย และสำทับว่า เขาต้องการให้ประเทศปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา อาชญากรรม ความรุนแรงที่ถูกกระตุ้นจากการเหยียดเชื้อชาติ และตำรวจเลว

การประท้วงลุกลามทั่วอเมริกานับจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวในมินนิอาโปลิสใช้เข่ากดทับคอนานเกือบ 9 นาที เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม

ล่าสุด การประท้วงปะทุขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วที่เมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน หลังตำรวจรัวกระสุน 7 นัดใส่ด้านหลังจาค็อบ เบล็ค หนุ่มอเมริกัน-แอฟริกัน ต่อหน้าลูกเล็กๆ 3 คนและทำให้เขากลายเป็นอัมพาตจากเอวลงไป

ในการประท้วง นอกจากเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ต่อต้านการเหยียดผิวกับตำรวจแล้ว ยังมีความตึงเครียดระหว่างผู้ประท้วงกับกลุ่มชาวผิวขาวซึ่งตั้งตนเป็นกองกำลังพิทักษ์ท้องถิ่น ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ ไคลี ริตเทนเฮาส์ วัยรุ่นผิวขาวยิงใส่ผู้ประท้วงจนเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คนในเมืองเคโนชาเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว แล้วช่วงสุดสัปดาห์ ก็มีชาวผิวขาวซึ่งเป็นพวกผู้สนับสนุนทรัมป์ ถูกยิงตายไป 1 คนโดยเข้าใจกันว่าเป็นฝีมือของพวกผู้ประท้วง เหตุเกิดที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน อันเป็นจุดปะทุดุเดือดอีกจุดหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะประณามริตเตนเฮาส์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนตนและเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธที่ตั้งตนเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายมือสมัครเล่น โดยบอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวน่าสนใจ และจากคลิปดูเหมือนเด็กหนุ่มวัย 17 ปีผู้นี้กำลังป้องกันตัว

และขณะที่เดโมแครตและกลุ่มผู้สนับสนุนการปฏิรูปตำรวจมองเคโนชาเป็นสัญลักษณ์การเหยียดเชื้อชาติระดับสถาบันอันนำไปสู่การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องสงสัยผิวดำนั้น ทรัมป์กลับถือโอกาสเดินทางเยือนเมืองนี้ในวันอังคาร (1) พร้อมชูภารกิจการต่อสู้กับอนาธิปไตยในเมืองที่เดโมแครตควบคุม

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นทั้งที่โทนี เอเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินและสมาชิกเดโมแครต ขอร้องให้ทรัมป์ล้มเลิกแผนการเพราะกลัวทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น และจอห์น แอนทาราเมียน นายกเทศมนตรีเคโนชาจากพรรคเดโมแครตเช่นกัน บอกว่า ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่ประธานาธิบดีจะเดินทางไปเยือนก็ตาม

เคย์ลีห์ แมคอีเนนี โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า ทรัมป์จะพบกับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายและเจ้าของธุรกิจในท้องถิ่น รวมทั้งสำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์รุนแรง

อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ไม่มีแผนไปเยี่ยมครอบครัวเบล็ค ชายผิวดำที่ถูกตำรวจรัวยิงที่หลัง และก่อนหน้านั้นไบเดนได้โทรคุยกับครอบครัวนี้มาแล้ว โดยทรัมป์อ้างว่า ไม่เหมาะสม และว่า คนเหล่านั้นต้องการทนายความมากกว่า

นอกจากนั้น ทรัมป์ยังทวิตตอบโต้คำปราศรัยของไบเดนว่า ดูเหมือนผู้สมัครจากเดโมแครตผู้นี้ต้องการโยนความผิดให้ตำรวจมากกว่าผู้ก่อจลาจล กลุ่มอนาธิปไตย ผู้ยั่วยุปลุกปั่น และพวกจี้ปล้น

ทั้งนี้ หลังจากที่ไบเดนมีคะแนนนำในโพลหลายสำนักมาพักใหญ่ในขณะที่คณะบริหารของทรัมป์ถูกวิจารณ์ยับว่า รับมือวิกฤตไวรัสผิดพลาด ล่าสุด ทรัมป์กลับเป็นฝ่ายพลิกเกมและคะแนนนิยมก็ทำท่าดีขึ้น จากการชูประเด็นความสงบเรียบร้อยกลบวิกฤตโควิด และทำให้ไบเดนดูเหมือนเสียศูนย์อย่างชัดเจน

อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต กล่าวปราศรัยที่เมืองพิตสเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) โดยจวกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นผู้ยั่วยุให้ประเทศชาติเกิดความรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น