บริษัทเจ้าของ “ติ๊กต็อก” แอปสื่อสังคมวิดีโอสั้นซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ว่า จะ “ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” ตามกฎระเบีบบใหม่ด้านการส่งออกของจีน
โดยที่ความเคลื่อนไหวของปักกิ่งคราวนี้ถูกมองว่าจะเป็นการเพิ่มความยุ่งยากซับซ้อนให้การขายธุรกิจนี้แก่พวกบริษัทอเมริกัน ตามการบังคับบีบคั้นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
ติ๊กต็อกเวลานี้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของพายุทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง โดยที่ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ให้เวลาแก่บริษัทและคนอเมริกันทั้งหลายเป็นเวลา 45 วันในการยุติการทำธุรกิจกับไบต์แดนซ์ บริษัทแม่สัญชาติจีนของติ๊กต็อก ซึ่งมีผลเท่ากับเป็นการบังคับกำหนดเส้นตายที่ฝ่ายจีนจะต้องขายกิจการในสหรัฐฯของแอปนี้ให้แก่พวกบริษัทอเมริกันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้เผยแพร่กฎระเบียบแก้ไขเพิ่มเติมใหม่เมื่อวันศุกร์ (28)
ที่ผ่านมา โดยเพิ่มเติมหัวข้อ “การใช้งานในทางพลเรือน” เข้าไปในบัญชีรายชื่อพวกเทคโนโลยีซึ่งมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการส่งออก
กฎระเบียบใหม่ของจีนนี้ อาจเพิ่มความยากลำบากให้แก่ไบต์แดนซ์ ในการขายแอปยอดนิยมตัวนี้ซึ่งมีฟีเจอร์แชร์คลิปวิดีโอสั้นหัวข้อต่างๆ มากมายหลากหลาย ตั้งแต่การเต้น ไปจนถึงการแนะนำการย้อมผม ตลอดจนเรื่องตลกสนุกสนานต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน และการเมือง
วอลมาร์ต ยักษ์ใหญ่ด้านขายปลีกสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเพิ่งแถลงยืนยันในวันพฤหัสบดี (27) ว่า กำลังรวมพลังกับไมโครซอฟท์ ในการเจรจาเพื่อขอซื้อกิจการติ๊กต็อกในอเมริกานั้น ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับกฎใหม่ของฝ่ายจีน ขณะที่ไมโครซอฟท์ปฏิเสธยังไม่ขอพูดอะไร เมื่อถูกเอเอฟพีสอบถาม
สำหรับไบต์แดนซ์ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า บริษัทจะ “ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด” ตามกฎหมายเทคโนโลยีของจีน และบัญชีรายชื่อข้อห้ามข้อจำกัดต่างๆ ที่อิงอยู่กับกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจะบังคับใช้ในเวลา “ดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวข้องกับการนำเข้าและการส่งออกเทคโนโลยี”
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาที่จีนได้มีการปรับปรุงแก้ไขบัญชีรายชื่อเทคโนโลยีซึ่งห้ามส่งออกหรือส่งออกได้ภายในเงื่อนไขข้อจำกัด โดยที่ในคราวนี้ปักกิ่งได้เพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป 23 รายการ
นอกจากนั้น สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน เมื่อวันเสาร์ (29) ยังเสนอข่าวการให้สัมภาษณ์ของอาจารย์มหาวิทยาลัยผู้หนึ่งซึ่งก็พูดเสนอแนะว่า การเปลี่ยนแปลงใหม่นี้อาจหมายความว่า ไบต์แดนซ์ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนเสียก่อน จึงจะขายเทคโนโลยีของตนให้แก่บริษัทอเมริกันได้
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เควิน เมเยอร์ ซีอีโอของติ๊กต็อกได้ลาออกจากบริษัท ไม่กี่วันหลังจากติ๊กต็อกยื่นฟ้องร้องต่อศาลในสหรัฐฯท้าทายการถูกรัฐบาลสหรัฐฯ เล่นงานรังแก ทั้งนี้ เมเยอร์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันและเคยเป็นผู้บริหารของค่ายดิสนีย์มาก่อน เพิ่งเข้าร่วมงานกับติ๊กต็อกมาได้ 4 เดือน
ติ๊กต็อก ที่ได้รับการดาวน์โหลด 175 ล้านครั้งในสหรัฐฯ และมากกว่า 1,000 ล้านครั้งในทั่วโลก โต้แย้งในการยื่นฟ้องศาลว่า คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ซึ่งอ้างอิงรัฐบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (International Emergency Economic Powers Act) ของสหรัฐฯนั้น เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้เป็น “ภัยคุกคามที่พิเศษและไม่ปกติ” แต่อย่างใด
(ที่มา : เอเอฟพี/เอเจนซีส์)