เอเจนซีส์ – คู่หูชิงทำเนียบขาวจากพรรคเดโมแครตเริ่มแคมเปญหาเสียงดุเดือดในวันพุธ (12 ส.ค.) โดย “แฮร์ริส” ซึ่งเพิ่งได้รับคัดเลือกจาก “ไบเดน” ให้เข้าร่วมทีมหมาดๆ เปิดฉากโจมตี “ทรัมป์” ไม่เหมาะกับตำแหน่ง เห็นแก่ตัว ซ้ำทำชาติแตกแยก ชี้คนอเมริกันต้องการผู้นำอย่าง โจ ไบเดน เพื่อเอาชนะวิกฤตสามด้านที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ได้แก่ โรคระบาด ความอยุติธรรมด้านเชื้อชาติ และเศรษฐกิจที่บอบช้ำ
โจ ไบเดน และ คามาลา แฮร์ริส ปรากฏตัวในฐานะคู่หูร่วมทีมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตเป็นครั้งแรก ต่อหน้าผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่กลุ่มเล็กๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของรัฐเดลาแวร์ โดยไม่ได้เปิดให้พวกผู้สนับสนุนเข้าร่วมเพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาระบาด ทั้งคู่ซึ่งยังต่างสวมหน้ากากป้องกันและยืนเว้นระยะห่างจากกัน ประกาศว่า จะยุติการครองทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และฟื้นฟูประเทศชาติ
แฮร์ริส วุฒิสมาชิกหญิงจากรัฐแคลิฟอร์เนียวัย 55 ปี ที่ทั้งพ่อและแม่เป็นผู้อพยพ ถือเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกันที่ได้รับเลือกจากพรรคการเมืองใหญ่ให้เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
อดีตอัยการรัฐแคลิฟอร์เนียผู้นี้เปิดฉากโจมตีทรัมป์ว่า ไม่เหมาะกับตำแหน่งที่ได้รับ ซ้ำทำให้ประเทศชาติแตกแยกฉีกขาดกะรุ่งกะริ่ง
“อเมริกากำลังโหยหาผู้นำ แต่ประธานาธิบดีที่เรามีอยู่ตอนนี้กลับคิดถึงตัวเองมากกว่าประชาชนที่เลือกตนเข้ามาบริหารประเทศ” แฮร์ริสสำทับว่า ทรัมป์ล้มเหลวในการควบคุมโรคระบาด และบริหารเศรษฐกิจที่บอบช้ำจากมาตรการล็อกดาวน์ และบอกว่า ไบเดนนั้นพร้อมรับมือความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาจากความล้มเหลวเหล่านั้นของทรัมป์
แฮร์ริสยังกล่าวอีกว่า อเมริกากำลังเผชิญความอยุติธรรมเชิงระบบและด้านเชื้อชาติที่ทำให้เกิดแนวร่วมใหม่เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านไบเดนอธิบายว่า ที่เลือกแฮร์ริสเข้าร่วมทีม เพราะวุฒิสมาชิกหญิงผู้นี้มีความแข็งแกร่งและประสบการณ์ และพร้อมทำงานตั้งแต่วันแรก ก่อนสำทับว่า ภูมิหลังของแฮร์ริสที่มีพ่ออพยพมาจากจาไมกาและแม่จากอินเดีย รวมทั้งการเป็นผู้หญิงผิวสีที่ต่อสู้จนได้ขึ้นสู่ตำแหน่งระดับสูงทั้งในวงการกฎหมายและการเมือง จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอเมริกัน
ไบเดนยังบอกอีกว่า คณะบริหารของตนและแฮร์ริสจะทำทุกทางเพื่อเอาชนะวิกฤตโรคระบาด
อดีตรองประธานาธิบดีผู้นี้เผยว่า ในรอบ 24
ชั่วโมงนับจากประกาศเลือกแฮร์ริสเป็นคู่หู
มีผู้บริจาคเงินสมทบทุนสำหรับใช้ในการเลือกตั้งถึง 26 ล้านดอลลาร์
ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดสำหรับยอดการระดมทุนในวันเดียว
คู่หูไบเดน-แฮร์ริสแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับฮิลลารี คลินตัน และทิม เคน
ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี-รองประธานาธิบดีในปี 2016
ที่ไม่สามารถทำให้พรรคปรองดองกันได้
เนื่องจากมีความขัดแย้งภายในระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนคลินตัน
กับกลุ่มผู้สนับสนุนเบอร์นี แซนเดอร์ส แคนดิเดตอีกคนของพรรค
แม้แฮร์ริสมีแนวทางเอียงซ้ายมากกว่าไบเดน
แต่ทั้งคู่ดูจะสามารถหาค่านิยมและเป้าหมายที่มีร่วมกันได้
ทั้งที่เคยปะทะคารมกันรุนแรงระหว่างการดีเบตในช่วงการหยั่งเสียงเพื่อเป็นตัวแทนพรรคเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนั้น ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวันพุธยังพบว่า
ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต 9 ใน 10 คนเห็นด้วยที่ไบเดนเลือกแฮร์ริส
ทางด้านทรัมป์ที่เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งยอมรับว่า
แฮร์ริสน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับไบเดน
แต่หลังจากวุฒิสมาชิกหญิงผู้นี้ได้รับการเสนอชื่อเมื่อวันอังคาร (11)
ทรัมป์ก็หันมาโจมตีแฮร์ริสว่า
น่ารังเกียจและเป็นฝ่ายซ้ายสุดโต่งที่จะทำให้การรักษาพยาบาลกลายเป็นระบบสังคมนิยม
และจะยึดปืนจากประชาชน
“ผมคิดว่า เธอจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่”
ประมุขทำเนียบขาวทิ้งท้ายเมื่อวันพุธ และถูกไบเดนตอกกลับทันควันว่า
ทรัมป์มักมีปัญหากับผู้หญิงเก่งอยู่เสมอ