รอยเตอร์ – โจ ไบเดน ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ประกาศเลือก คามาลา แฮร์ริส วุฒิสมาชิกหญิงจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีในศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งทำให้ แฮร์ริส กลายเป็นสตรีผิวสีและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่คว้าตั๋วลงสังเวียนเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในนามพรรคการเมืองใหญ่ และยังช่วยให้ ไบเดน มีคู่หูที่พร้อมสำหรับการเปิดศึกกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
กระแสประท้วงต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติในอเมริกาจากกรณี ‘จอร์จ ฟลอยด์’ ซึ่งถูกตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโปลิสใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิตระหว่างจับกุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ทำให้ ไบเดน เผชิญแรงกดดันอย่างมากให้ต้องเลือกคู่ชิงรองประธานาธิบดีที่เป็นสตรีผิวสี
ไบเดน ทวีตข้อความว่า แฮร์ริส “เป็นนักสู้ที่ปราศจากความกลัว และเป็นผู้ที่ทำงานรับใช้ชาติอย่างยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง” ขณะที่ แฮร์ริส วัย 55 ปี ก็ได้ทวีตชมเชยอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า “เป็นบุคคลที่สามารถหลอมรวมชาวอเมริกันให้เป็นหนึ่งได้ เพราะเขาใช้เวลาทั้งชีวิตต่อสู้เพื่อพวกเรา”
ไบเดน และ แฮร์ริส มีกำหนดขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกันในวันนี้ (12) ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของไบเดน
แฮร์ริส ซึ่งเป็น ส.ว.หญิงผิวสีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ หลังได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2016 จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยระดมเสียงสนับสนุนจากชาวอเมริกันผิวสีซึ่งเป็นฐานเสียงที่เหนียวแน่นที่สุดของพรรคเดโมแครต
คะแนนโหวตจากชาวอเมริกันผิวสีนั้นจำเป็นอย่างยิ่งหาก ไบเดน ต้องการที่จะเอาชนะ ทรัมป์ ในรัฐสำคัญๆ อย่างมิชิแกน, เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ เคยชนะอย่างฉิวเฉียดเมื่อปี 2016 รวมถึงในรัฐทางใต้อย่างจอร์เจียและฟลอริดาซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นส่วนใหญ่บ่งชี้ว่าจะเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือดในปีนี้
สำหรับตัว ไบเดน เองเคยเป็นรองประธานาธิบดีอยู่นานถึง 8 ปีในรัฐบาลของ บารัค โอบามา ซึ่งเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์อเมริกัน
โอบามา ซึ่งยังเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงสูงสุดของพรรคเดโมแครตก็ได้กล่าวชมเชย แฮร์ริส ทางทวิตเตอร์ โดยระบุว่า “เธอทำงานเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญของเรา และต่อสู้เพื่อผู้คนทั้งหลายที่ต้องการความยุติธรรม”
พรรครีพับลิกันไม่รอช้าออกมาโจมตี แฮร์ริส ทันทีว่าเป็นพวก “สุดโต่ง” ที่ชูนโยบายซ้ายจัดอย่างการปฏิรูปองค์กรตำรวจอย่างทั่วถึง และสนับสนุนให้แบนการขุดเจาะสำรวจน้ำมันแบบ ‘fracking’
ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุวานนี้ (11) ว่ารู้สึกประหลาดใจมากที่ ไบเดน เลือก คามาลา แฮร์ริส เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี เนื่องจาก ส.ว.หญิงผู้นี้เคยพูดจาดูหมิ่น ไบเดน หลายครั้งระหว่างการอภิปรายในศึกเลือกตั้งไพรแมรี
“เหตุผลหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจก็คือ เธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าโพคาฮอนทัสเสียอีกสำหรับ โจ ไบเดน เธอเคยพูดจาหยาบคายกับเขามามาก และมันยากที่จะเลือกใครบางคนที่ไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ทั้งนี้ การเลือกคู่ชิงประธานาธิบดีนับว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับ ไบเดน ซึ่งจะเป็นประธานาธิบดีอายุมากที่สุดของสหรัฐฯ หากชนะเลือกตั้ง และด้วยวัย 77 ปีทำให้หลายคนเชื่อว่า ไบเดน น่าจะดำรงตำแหน่งอยู่ได้ไม่เกิน 1 สมัย และ แฮร์ริส อาจกลายเป็นตัวเต็งที่ได้รับการเสนอชื่อชิงประธานาธิบดีในปี 2024
ส.ว.หญิงผู้นี้ลุกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องความยุติธรรมทางเชื้อชาติและการปฏิรูปตำรวจหลังจากที่ ฟลอยด์ เสียชีวิต แต่ก็มีเสียงวิจารณ์จากชุมชนคนผิวสีและนักเคลื่อนไหวหัวก้าวหน้าบางคนที่มองว่า สมัยที่ แฮร์ริส ยังเป็นอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียก็ไม่ได้พยายามมากพอที่จะติดตามตรวจสอบเหตุตำรวจยิงคนผิวสี และหลายครั้งที่เธอเข้าข้างอัยการจนนำไปสู่คำพิพากษาที่ไม่เป็นธรรม
แฮร์ริส มีบิดาเป็นผู้อพยพจากจาเมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย เธอเกิดที่เมืองโอ๊คแลนด์ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งอัยการแขวงซานฟรานซิสโก และอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย