รอยเตอร์ - ไมเคิล บลูมเบิร์ก อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก กำลังพิจารณาจริงจังในการเข้าสู่เส้นทางแย่งชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 ความเคลื่อนไหวที่อาจก่อความปั่นป่วนใหญ่หลวงแก่สังเวียนนี้ ในขณะที่เหลืออีกเพียง 3 เดือนก็จะถึงการเสนอชื่อบุคคลที่จะเข้าชิงเป็นตัวแทนพรรคครั้งแรก
บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีเจ้าพ่อสื่อสารมวลชนและคนใจบุญ เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ 3 สมัย ไม่เชื่อว่าจะมีผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตรายใดในปัจจุบันจะสามารถเอาชนะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกันได้ในศึกเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ดังนั้นเขาจึงพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการลงสมัคร "ไมค์เริ่มมีความกังวลว่าพวกผู้สมัครในปัจจุบันที่ลงสู่สมรภูมิ ไม่อยู่ในสถานะที่ดีที่จะเอาชนะทรัมป์ได้" โฮเวิร์ด โวล์ฟสัน โฆษกของบลูมเบิร์กกล่าวในถ้อยแถลง
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดของบลูมเบิร์ก คาดหมายว่ามหาเศรษฐีวัย 77 ปีจะยื่นเอกสารในสัปดาห์นี้ เพื่อลงหยั่งเสียงข้างต้นชิงเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในรัฐแอละแบมา เส้นตายเบื้องต้นของการผ่านคุณสมบัติลงเลือกตั้ง เปิดทางไว้สำหรับความเป็นไปได้ที่เขาจะลงชิงชัยเป็นตัวแทนพรรคไปชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวกับตัวแทนของรีพับลิกัน
ในปัจจุบัน สังเวียนของพรรคเดโมแครตมีจำนวนผู้สมัคร 17 คน แต่ผลสำรวจชี้ว่า มีเพียง 4 คนที่พอมีภาษีดีพอคือ ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน และ ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส ที่เป็นตัวแทนฝ่ายหัวก้าวหน้า และอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายกเทศมนตรีพีต บุตติเจิจ จากรัฐอินดีแอนา ที่มีแนวทางสายกลางมากกว่า
นักการกุศลที่เป็นผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท บลูมเบิร์ก รายนี้เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก 3 สมัย ระหว่างปี 2002-2013 และเขายังเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญและผู้ใจบุญในประเด็นต่างๆ ในนั้นรวมถึงภาวะโลกร้อนและความรุนแรงจากอาวุธปืน
ด้วยวัย 77 ปีจะทำให้เขาเป็นผู้สมัครอายุมากอันดับ 2 ของพรรคเดโมแครต รองจากแซนเดอร์สที่อายุ 78 ปี ส่วนไบเดนนั้นอายุ 76 และวอร์เรนอายุ 70 ขณะที่ทรัมป์นั้นอายุ 73 ปี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งที่แล้วนั้น บลูมเบิร์กก็เคยคิดจะลงสมัครในนามอิสระ แต่เขาเปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าจะดึงคะแนนจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเลือกนางฮิลลารี คลินตัน เป็นตัวแทนพรรค
เมื่อถูกสอบความเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของบลูมเบิร์ก ทางโฆษกทำเนียบขาว สเตฟานี กริสแฮม ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า "ทรัมป์มีผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขากำลังทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมเพื่อประชาชนชาวอเมริกา ดังนั้นมันจึงไม่สำคัญหรอกว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะมาท้าชิงเขา ประธานาธิบดีจะชนะ"
ด้านตัวของทรัมป์เองได้ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในวันศุกร์(8พ.ย.) ก่อนเดินทางไปยังรัฐจอร์เจีย เพื่อขึ้นปราศรัยขอเสียงสนับสนุน เย้ยหยัน บลูมเบิร์ก ว่าจะประสบความล้มเหลวในศึกเลือกตั้ง 2020 หาดตัดสินใจลงชิงชัย "เขาไม่ได้มีเวทมนต์แห่งความสำเร็จ ลิตเติลไมเคิลจะล้มเหลว"
บลูมเบิร์กเคยกล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคมว่าเขาจะไม่ลงชิงประธานาธิบดี แต่ที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขาเผยว่า ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ บลูมเบิร์กกลับมาคิดเรื่องนี้ แต่เขายังไม่ตัดสินใจแน่นอน กระนั้นเมื่อวันพฤหัสบดี(7พ.ย.) มีข่าวว่ามหาเศรษฐีที่ฟอร์บส์จัดว่ารวยเป็นอันดับ 8 ของสหรัฐด้วยทรัพย์สิน 53,400 ล้านดอลลาร์รายนี้ ได้ส่งทีมงานไปรัฐแอละแบมาเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนสำหรับการลงทะเบียนก่อนเส้นตายวันศุกร์นี้(8พ.ย.)