รอยเตอร์ – เศรษฐกิจฟิลิปปินส์หดตัวแรงเกินคาด 16.5% ในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา และเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (recession) ครั้งแรกในรอบ 29 ปี จากผลพวงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งทำให้แดนตาล็อกกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดและยาวนานที่สุดในโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์แถลงวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. หดตัวถึง 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับว่ารุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 1981 และยังเป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2563 ซึ่งหดตัว 0.7%
ทั้งนี้ คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นอีก หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในฟิลิปปินส์ยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องจนรัฐบาลต้องประกาศยกระดับมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดในพื้นที่กรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันอังคาร (4)
นิโคลัส อันโตนิโอ มาปา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก ING ชี้ว่า “การที่เศรษฐกิจฟิลิปปินส์เข้าสู่ภาวะถดถอยพร้อมกับตัวเลขจีดีพีที่หดตัวหนักในไตรมาส 2 สะท้อนให้เห็นถึงผลเสียของการล็อกดาวน์ปิดเมืองสำหรับเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคภายในประเทศ (consumption-dependent economy)”
“ด้วยอัตราการว่างงานที่คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราไม่อาจคาดหวังว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยเร็ว อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
ธุรกิจบางประเภทได้รับคำสั่งให้ปิดตัวชั่วคราวอีกครั้ง ขณะที่มาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายประชากรถูกนำกลับมาใช้ในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียงซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งประเทศ และถือเป็นศูนย์รวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชาติ
ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 115,980 รายในวันพุธ (5) ตามหลังเพียงแค่อินโดนีเซียซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อ 116,871 ราย สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก