รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ชี้รัฐบาลอเมริกันควรได้ “ส่วนแบ่งพอสมควร” จากข้อตกลงขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับไมโครซอฟท์ พร้อมขู่จะสั่งแบนแอปฯ แชร์วิดีโอยอดนิยมสัญชาติจีนหากไม่ปิดดีลให้แล้วเสร็จภายใน 15 ก.ย.
ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (31 ส.ค.) ว่าจะแบนบริการ TikTok และยังเคยแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่บริษัทอเมริกันอย่างไมโครซอฟท์จะเข้าซื้อธุรกิจแอปฯ ดังจากแดนมังกร ทว่าต่อมาก็เปลี่ยนใจบังคับให้ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ TikTok ในจีนต้องยอมขายกิจการในสหรัฐฯ หรือไม่ก็ถูกแบน
นักลงทุนบางคนประเมินว่า ดีลขายกิจการ TikTok อาจมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“ถ้าคุณซื้อ TikTok ด้วยวงเงินเท่าไหร่ก็ตามที่จ่ายให้กับบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของมัน เพราะผมเดาว่าที่แท้ก็คือรัฐบาลจีนนั่นแหละ ผมขอบอกว่าจะต้องมีส่วนแบ่งจำนวนหนึ่งถูกส่งมาเข้าคลังของสหรัฐฯ ด้วย เพราะเราเป็นผู้อนุญาตให้เกิดข้อตกลงนี้ขึ้น” ทรัมป์กล่าว
ต่อมา ทรัมป์ ได้ออกมาพูดแก้ตัวเรื่องการขอส่วนแบ่งว่า “ไม่มีใครคิดถึงประเด็นนี้นอกจากผม แต่นั่นคือสิ่งที่ผมคิด”
นิโคลัส ไคลน์ ทนายความจาก DLA Piper ให้ความเห็นในกรณีนี้ว่า โดยทั่วไป “รัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะขอส่วนแบ่งจากข้อตกลงระหว่างเอกชน” ผ่านทางคณะกรรมการว่าด้วยการลงทุนต่างชาติในสหรัฐฯ (CFIUS) และยังไม่ชัดเจนว่าวอชิงตันจะรับเงินส่วนแบ่งจากมูลค่าการขายนี้ได้อย่างไร
TikTok แถลงวานนี้ (3) ว่า บริษัทฯ “ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งความสุขให้แก่ครอบครัว และสร้างอาชีพที่มีความหมายแก่ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานบนแพลตฟอร์มของเราพร้อมกับต่อยอดธุรกิจในระยะยาว... TikTok จะยังอยู่ที่นี่ต่อไปตลอดหลายปีข้างหน้า”
แดเนียล เอลแมน นักวิเคราะห์จาก Nucleus Research คาดว่าข้อตกลงขาย TikTok อาจปูทางให้บริษัทในสหรัฐฯ เข้าซื้อกิจการอินเทอร์เน็ตอื่นๆ ของจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอีกหนึ่งกิจการที่อาจได้รับผลกระทบต่อไปก็คือแอปฯ WeChat ของค่ายเทนเซนต์
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมากล่าวถึง WeChat เมื่อวันอาทิตย์ (2) และบอกว่า ทรัมป์ “จะมีคำสั่งภายในอีกไม่กี่วันเกี่ยวกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากซอฟต์แวร์ที่เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่า TikTok อาจเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติเนื่องจากมีการเก็บและจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ขณะที่ เควิน เมเยอร์ ซีอีโอ TikTok ได้โพสต์ข้อความเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ และพร้อมจะอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปสังเกตการณ์นโยบายสร้างสมดุล รวมถึงตรวจสอบโค้ดที่ใช้ในลำดับการประมวลผล (algorithm) ของ TikTok ด้วย
ทรัมป์ ซึ่งเคยทำธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก เปรียบเทียบกรณี TikTok ว่าเหมือนกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่า ซึ่งหากปราศจากสัญญาเช่า “ผู้เช่าก็จะไม่ได้อะไรเลย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจ่ายสิ่งที่เรียกว่าเงินกินเปล่า (key money) หรือไม่ก็ต้องจ่ายอะไรบ้าง”
ทรัมป์ บอกด้วยว่าตน “ไม่มีปัญหาหากไมโครซอฟท์หรือบริษัทอเมริกันขนาดใหญ่รายอื่นๆ จะซื้อกิจการ TikTok”
ไมโครซอฟท์ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ว่า สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของบริษัทได้พูดคุยกับ ทรัมป์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ “เตรียมเดินหน้าพูดคุยเพื่อซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ... ภายใต้กระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยที่สมบูรณ์ และมีการให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสมต่อสหรัฐอเมริกา รวมถึงกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ด้วย”