เอเอฟพี - ไมโครซอฟท์ประกาศล่าสุดวานนี้ (2 ส.ค.) ยังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อซื้อกิจการในสหรัฐฯ ของ TikTok หลังจากที่ได้หารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งดูเหมือนจะแตะเบรกคำขู่สั่งแบนแอปฯ แชร์วิดีโอยอดนิยมสัญชาติจีน
“หลังจากที่มีการหารือระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ กับ สัตยา นาเดลลา ซีอีโอของไมโครซอฟท์ ทางบริษัทยังพร้อมที่จะเดินหน้าพูดคุยเพื่อซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ” ไมโครซอฟท์ ระบุในถ้อยแถลง พร้อมย้ำว่า บริษัทเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงประเด็นความมั่นคงของชาติตามที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวล
ไมโครซอฟท์ จะยังคงเจรจากับบริษัท ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ในจีน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 15 ก.ย.
คำยืนยันจากไมโครซอฟท์มีขึ้นหลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (31 ก.ค.) ทรัมป์ ได้ออกมาขู่แบนแอปฯ แชร์วิดีโอชื่อดัง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น และคาดว่า มีผู้ใช้ทั่วโลกประมาณ 1,000 ล้านคน
สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอบีซีเมื่อวันอาทิตย์ (2) ว่า TikTok ควรจะถูกขายหรือไม่ก็ถูกแบนในสหรัฐฯ ขณะที่ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า ทรัมป์ “จะมีคำสั่งภายในอีกไม่กี่วันเกี่ยวกับภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากซอฟต์แวร์ที่เชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
TikTok ยืนกรานปฏิเสธความเป็นไปได้ที่แอปฯ นี้จะกลายเครื่องมือของหน่วยข่าวกรองจีน โดย วาเนสซา พัพพาส ผู้บริหาร TikTok ในสหรัฐฯ ออกมาประกาศเมื่อวันเสาร์ (1) ว่า “เราไม่มีแผนจะไปที่ไหนทั้งนั้น”
ขณะเดียวกัน แดเนียล คาสโตร รองประธานมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม (Information Technology & Innovation Foundation) เตือนเมื่อวันเสาร์ (1) ว่า “สหรัฐฯ จะกลายเป็นผู้แพ้รายใหญ่ที่สุดหากสั่งแบน TikTok”
“ศูนย์ข้อมูลทั้งหมดของ TikTok อยู่นอกแผ่นดินจีน ดังนั้น จึงไม่มีหลักฐานว่ามันจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ”
ทรัมป์ เคยขู่จะออกคำสั่งบริหารเพื่อแบน TikTok หรืออาศัยกฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉิน (International Emergency Economic Powers Act) ซึ่งให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการกำกับการค้าระหว่างประเทศ ในกรณีที่เล็งเห็น “ภัยคุกคามร้ายแรง” จากต่างชาติที่อาจส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศ, ความมั่นคงของชาติ หรือเศรษฐกิจอเมริกัน