รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีคำสั่งล่าสุดวานนี้ (14 ส.ค.) ให้ ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่สัญชาติจีนของ TikTok ขายกิจการแอปพลิเคชั่นแชร์วิดีโอยอดนิยมในสหรัฐฯ ภายใน 90 วัน
ทรัมป์ ระบุในคำสั่งดังกล่าวว่า “มีหลักฐานน่าเชื่อถือที่ทำให้ผมเชื่อว่า ไบต์แดนซ์อาจจะกระทำการบางอย่างเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงของสหรัฐฯ”
คำสั่งล่าสุดของ ทรัมป์ ถือเป็นการเพิ่มแรงบีบให้ไบต์แดนซ์ต้องยอมขายกิจการ TikTok ในอเมริกา และยังสร้างความชอบธรรมทางกฎหมายให้แก่รัฐบาลทรัมป์ในการกวาดล้างแอปฯ สื่อโซเชียลจีนตัวนี้ โดยจะเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สามารถขอตรวจสอบบัญชีและระบบข้อมูลต่างๆ ของ TikTok และ ไบต์แดนซ์เพื่อปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ ระหว่างที่การเจรจาขายกิจการกำลังดำเนินอยู่
ล่าสุด ไบต์แดนซ์ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้
สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ อ้างว่า TikTok อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เนื่องจากมีการเก็บรวมรวบข้อมูลของผู้ใช้ซึ่งอาจถูกส่งต่อให้กับรัฐบาลจีน
สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งบริหารห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับ ไบต์แดนซ์ และ เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นเจ้าของแอปฯ WeChat โดยจะมีผลภายใน 45 วัน ซึ่งถือเป็นการประกาศทำศึกกับจีนในด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก
ทรัมป์ ประกาศว่าตนพร้อมจะสนับสนุนให้ไมโครซอฟต์เข้าซื้อกิจการในอเมริกาของ TikTok หากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ “ได้ส่วนแบ่งเยอะพอสมควร” จากข้อตกลงนี้ และจะสั่งแบนแอปฯ ดังกล่าวหากดีลไม่สำเร็จภายในวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งก็มีสมาชิกพรรครีพับลิบางคนออกมาเตือนถึงผลกระทบทางการเมืองที่อาจตามมา
รัฐบาล ทรัมป์ ได้ยกระดับความพยายามกวาดล้างสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็น “แอปฯ จีนที่ไม่น่าไว้วางใจ” ให้หมดไปจากเครือข่ายดิจิทัลในสหรัฐฯ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ทรัมป์ วานนี้ (14) ว่ากังวลหรือไม่ว่าการสั่งแบนธุรกิจกับ WeChat อาจจะทำให้ แอปเปิล อิงค์ ไม่สามารถจำหน่ายในไอโฟนในตลาดจีนได้ ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก็ไม่มีท่าทียี่หระแต่อย่างใด
“ผมทำสิ่งที่ถูกต้องในแง่ของความมั่นคงของประเทศ” ทรัมป์ บอก
กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ หลายราย รวมถึงแอปเปิล ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงในสัปดาห์นี้ถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัทอเมริกันจากคำสั่งเล่นงาน TikTok และ WeChat
