เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์/เอพี – การเจรจาเรื่องไมโครซอฟท์จะซื้อการดำเนินงานในสหรัฐฯ ของติ๊กต็อก ที่เจ้าของเป็นบริษัทจีน กำลังหยุดชะงักลงภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข่มขู่ที่จะสั่งแบนแอปป์สื่อสังคมยอดนิยมรายนี้ รวมทั้งออกมาคัดค้านการซื้อขายรายนี้ด้วย ทั้งนี้ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล
ทรัมป์ประกาศจะเล่นงานหนักแอปป์แชร์วิดีโอที่กำลังได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากตัวนี้ โดยที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกล่าวหาว่าอาจเป็นเครื่องมือสำหรับการหาข่าวกรองของทางการจีน อันเป็นข้ออ้างซึ่ง ไบต์แดนซ์ บริษัทอินเทอร์เน็ตจีนที่เป็นเจ้าของแอปป์ติ๊กต็อก ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าไม่เป็นความจริง
ขณะอยู่เครื่องบินประจำตำแหน่ง หรือแอร์ฟอร์ซวัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ก.ค.) ทรัมป์บอกว่า จะใช้อำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินหรือคำสั่งฝ่ายบริหารแบนติ๊กต็อก และบังคับให้ไบต์แดนซ์ของจีนขายบริษัทนี้อย่างเร็วที่สุดในวันเสาร์ (1 ส.ค.)
จนถึงเวลานี้ยังไม่มีอะไรแสดงว่าจะมีการสั่งห้ามตามที่ทรัมป์ข่มขู่เอาไว้ แต่มีรายงานว่าคำพูดของเขากำลังเพิ่มความไม่แน่นอนให้แก่อนาคตของติ๊กต็อกไปเรียบร้อยแล้ว
“ก่อนที่มิสเตอร์ทรัมป์จะออกมาแสดงความคิดเห็น ทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อกันว่าเนื้อหาใหญ่ๆ ของดีลนี้จะสามารถเข้าที่เข้าทางได้ภายในวันจันทร์ (3 ส.ค.)” วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานในวันเสาร์ (1 ส.ค.) ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีข้อตกลงระหว่างไมโครซอฟท์กับติ๊กต็อก โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่มีการระบุนามหลายราย
วอลล์สตรีทเจอร์นัลยังรายงานด้วยว่า คำขู่และการคัดค้านดีลเรื่องนี้ของทรัมป์ ได้เร่งรัดให้ติ๊กต็อกต้องยินยอมอ่อนข้อให้เพิ่มเติมขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ เป็นต้นว่า การที่จะเพิ่มตำแหน่งงานที่อาจจะมากถึง 10,000 ตำแหน่งในสหรัฐฯ ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
ติ๊กต็อกเองได้ออกมาแถลงปกป้องตนเองในวันเสาร์ (1 ส.ค.) โดยที่ วาเนสซา ปัปปาส ผู้จัดการทั่วไปในอเมริกาของติ๊กต็อก แจ้งกับบรรดายูสเซอร์ว่า บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อให้ยูสเซอร์ทั้งหลายได้ใช้ “แอปป์ที่มีความปลอดภัยที่สุด” ท่ามกลางความกังวลของสหรัฐฯในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
“เราไม่ได้กำลังวางแผนจะไปที่ไหนทั้งนั้น” ปัปปาสกล่าวในข้อความที่เผยแพร่ผ่านแอปตัวนี้
ไบต์แดนซ์เปิดตัวติ๊กต็อกในปี 2017 ก่อนเข้าซื้อ Musical.ly บริการวิดีโอที่ฮิตในหมู่วัยรุ่นอเมริกันและยุโรป
แล้วนำทั้งสองแอปมาผสมรวมกันกลายเป็นตู้หยินที่ให้บริการสำหรับผู้ใช้จีน
วิดีโอที่สนุกสนานและใช้งานง่ายของติ๊กต็อกได้รับความนิยมอย่างมาก กระทั่งถูกบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและสแนปแชตมองว่า เป็นภัยคุกคามการแข่งขัน โดยติ๊กต็อกเผยว่า มีผู้ใช้ในอเมริกาหลายสิบล้านคนและหลายร้อยล้านคนทั่วโลก
การที่ไบแดนซ์เป็นบริษัทสัญชาติจีนทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์วิดีโอรวมถึงมีเสียงวิจารณ์ว่า ติ๊กต็อกอาจแชร์ข้อมูลผู้ใช้กับทางการจีน
ติ๊กต็อกปฏิเสธทั้งสองข้อกล่าวหาซ้ำว่าจ้างอดีตผู้บริหารระดับสูงของดิสนีย์มาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) บริษัทในเครือในอเมริกา เพื่อเว้นระยะห่างจากไบต์แดนซ์
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกายังไม่วางใจและเข้าตรวจสอบการซื้อ Musical.ly เมื่อไม่กี่เดือนนี้
ขณะที่กองทัพอเมริกันห้ามลูกจ้างติดตั้งติ๊กต็อกในโทรศัพท์ของรัฐบาล
อเมริกาเคยเข้าขัดขวางหรือล้มข้อตกลงโดยอ้างอิงข้อกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติมาแล้ว เช่น การสกัดไม่ให้บรอดคอมของสิงคโปร์ เข้าซื้อบริษัทชิปอเมริกัน ควอลคอมม์ ด้วยราคา 117,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 เพื่อให้อเมริกาคงความเป็นผู้นำในด้านโทรคมนาคม อีกทั้งยังสั่งให้คุนหลุน เทค ขายหุ้นกรายเดอร์ แอปนัดบอดเกย์ของอเมริกาที่ซื้อไปเมื่อปี 2016
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่เล่นงานติ๊กต็อก เช่น อินเดียที่เดือนที่ผ่านมาแบนแอปจีนหลายสิบแอป รวมถึงติ๊กต็อก โดยอ้างเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว ขณะที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งด้านพรมแดนกัน
อเล็กซ์ สเตมอส อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของเฟซบุ๊กที่ขณะนี้ศึกษาด้านการรักษาความปลอดภัยระบบอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ทวิตเมื่อวันศุกร์แสดงความกังวลที่อเมริกาบีบให้ติ๊กต็อกขายกิจการโดยที่ตัวเองยังไม่มีกฎหมายปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล แต่สำทับว่า ไมโครซอฟท์เป็นหนึ่งในทีมที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก
ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงบนติ๊กต็อกในขณะนี้
ไมโครซอฟท์เป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลอันดับ 4 รองจากกูเกิล, เฟซบุ๊ก และแอมะซอน แต่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากนักการเมืองและผู้คุมกฎต่อต้านการผูกขาดตลาดของอเมริกาในขณะนี้เหมือนกับเฟซบุ๊กหรือกูเกิล ซึ่งแพทริก มัวร์เฮด นักวิเคราะห์จากมัวร์ อินไซต์ แอนด์ สเตรทเทอจี ชี้ว่า ทำให้ไมโครซอฟท์มีโอกาสมากขึ้นที่จะเข้าซื้อติ๊กต็อกสำเร็จ
รอสส์ เบเนส นักวิเคราะห์ของอีมาร์เก็ตเตอร์ ทิ้งท้ายว่า หากเป็นเช่นนั้น ไมโครซอฟท์ที่เคยถูกเพ่งเล็งเรื่องการต่อต้านการแข่งขันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว จะมีระบบโฆษณาดิจิทัลที่มีศักยภาพการแข่งขันมากขึ้นในอนาคตอันใกล้