มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ(13พ.ย.) หลังเลขาธิการโอเปกตั้งความหวังข้อพิพาททางการค้าที่คลี่คลายระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์พลังงาน อย่างไรก็ตามด้วยล่าสุดที่เกิดความไม่แน่นอนรอบใหม่ในข้อตกลงระหว่างสองชาติ ฉุดวอลล์สตรีทปิดในกรอบแคบๆและดันทองคำพุ่งแรง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 57.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 31 เซ็นต์ ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โมฮัมหมัด บาร์กินโด เลขาธิการโอเปกให้สัมภาษณ์ที่กรุงเวียนนา ว่าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะช่วยยก "เมฆดำทะมึน" ออกจากตลาดน้ำมัน พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถตกลงกันได้และบอกว่ามันจะเป็นปัจจัยบวกอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะช่วยส่งเสริมอุปสงค์พลังงาน
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(13พ.ย.) ปิดผสมผสาน หลังการเจรจาทางการค้าระหว่างวอชิงตันกับจีนเกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีกรอบ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 92.10 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,783.59 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 2.20 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,094.04 จุด แนสแดค ลดลง 3.99 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,482.10 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งตัวลงในช่วงบ่ายของการซื้อขาย หลังวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าการเจรจาทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีนประสบกับอุปสรรครอบใหม่เกี่ยวกับการซื้อสินค้าด้านการเกษตร ก่อความกังวลว่าข้อพิพาทที่เกาะกุมตลาดมานานนับปีอาจยืดเยื้อต่อไป
แนวโน้มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าและสภาคองเกรสสหรัฐฯเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก กระตุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ดันราคาทองคำในวันพุธ(13พ.ย.) พุ่งแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,463.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์