รอยเตอร์ - ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐอเมริกา พุ่งทะลุ 3 ล้านคนแล้ว เมื่อวานนี้ (7 ก.ค.) โดยหลายรัฐมีผู้ป่วยรายวันทุบสถิติใหม่ ขณะที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงยืนกรานให้ผู้ว่าการรัฐต่างๆ สั่งเปิดโรงเรียนในฤดูใบไม้ร่วง
กว่า 20 รัฐในอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งสูงขึ้นตลอดช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่ามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายพื้นที่ยังคงล้มเหลว
แคลิฟอร์เนีย, ฮาวาย, ไอดาโฮ, มิสซูรี, มอนทานา, โอกลาโฮมา และเทกซัส มีรายงานผู้ป่วยใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ในวันอังคาร (7) โดยสำหรับแคลิฟอร์เนียและเทกซัส ซึ่งเป็น 2 รัฐใหญ่สุดของอเมริกา มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นรัฐละกว่า 10,000 คน
รัฐเทกซัสยังมีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในระยะเวลาแค่ 2 สัปดาห์
แนวโน้มที่น่ากังวลนี้ทำให้ชาวอเมริกันหันมาเข้ารับการตรวจคัดกรองโควิด-19 กันมากขึ้น ขณะที่กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์แถลงวานนี้ (7) ว่าได้เพิ่มจุดตรวจคัดกรองในเขตเมืองของรัฐฟลอริดา, ลุยเซียนา และเทกซัส
ที่เมืองฮิวสตันมีประชาชนขับรถยนต์กว่า 200 คัน มาเข้าคิวรอตรวจโควิด-19 ที่จุดตรวจแบบไดรฟ์-ทรูของโรงพยาบาล ยูไนเต็ด เมมโมเรียล เมดิคอล เซ็นเตอร์ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยบางคนมาตั้งแต่กลางดึกเพื่อให้ได้คิวตรวจเป็นรายแรกๆ
“ผมมาตรวจเพราะน้องชายติดโควิด-19 มีคนจำนวนมากที่จำเป็นต้องตรวจ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” เฟร็ด โรเบิลส์ วัย 32 ปี ให้สัมภาษณ์
โรงพยาบาลกว่า 40 แห่ง ใน 25 เทศมณฑลของรัฐฟลอริดารายงานว่า เตียงคนไข้ในหอผู้ป่วยหนักเต็มหมดแล้ว และจากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันอังคาร (7) พบว่า ยังเหลือเตียงไอซียูสำหรับผู้ใหญ่ว่างอยู่แค่ 17% จากทั้งหมด 6,010 เตียงทั่วทั้งรัฐ ลดลงจาก 20% เมื่อ 3 วันก่อนหน้า
ทั้งนี้ หากมีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลจนระบบสาธารณสุขรองรับไม่ไหวอาจจะทำให้อัตราการตายเพิ่มสูงขึ้นจากโรคโควิด-19 ซึ่งเวลานี้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วมากกว่า 131,000 คน
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในวันอังคาร (7) อยู่ที่อย่างน้อย 923 ราย สูงสุดตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. เป็นต้นมา แต่ก็ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับสถิติผู้เสียชีวิตรายวัน 2,806 คน ในอเมริกาเมื่อช่วงเดือน เม.ย.
สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพ (Institute for Health Metrics and Evaluation - IHME) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันออกมาคาดการณ์วานนี้ (7) ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะสูงถึง 208,000 คน ภายในวันที่ 1 พ.ย. และอัตราการแพร่เชื้ออาจรุนแรงขึ้นเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ส่วนที่เคยหวังกันว่าการแพร่เชื้อน่าจะลดลงในฤดูร้อนนั้นก็ไม่เกิดขึ้นจริง
“สหรัฐฯ ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดของการระบาดระลอกแรกด้วยซ้ำ” ดร.คริสโตเฟอร์ เมอร์เรย์ ผู้อำนวยการ IHME ระบุในคำแถลง “และนั่นจะไม่ช่วยให้เรารอดพ้นจากการระบาดระลอก 2 ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงกับรัฐที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากๆ ในขณะนี้”
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยังยืนกรานที่จะผลักดันการเปิดเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้ชาวอเมริกันกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ
ทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาววานนี้ (7) ว่า ผู้ว่าการรัฐต่างๆ ควรสั่งเปิดโรงเรียนในฤดูใบไม้ร่วง และอ้างว่า มีคนบางคนพยายามหาข้ออ้างปิดโรงเรียนเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง
“ไม่มีทาง เราจะกดดันให้ผู้ว่าการรัฐและรวมถึงคนอื่นๆ ทุกคนยอมเปิดโรงเรียนให้ได้” ทรัมป์ กล่าว
จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยรอยเตอร์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ยอดผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นใน 42 รัฐทั่วอเมริกา และในช่วงบ่ายวันอังคาร (7) จำนวนผู้ป่วยยืนยันในสหรัฐฯ ได้พุ่งเกินกว่า 3 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าเวลานี้มีชาวอเมริกัน 1 คนจากทุกๆ 100 คนติดเชื้อโควิด-19 หรือเทียบเท่าประชากรทั้งหมดของรัฐเนวาดา
ที่รัฐแอริโซนา อัตราการตรวจพบเชื้อโควิด-19 เป็นบวกเพิ่มขึ้นเป็น 26% เมื่อช่วงสุดสัปดาห์จนถึงวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) นั้นถือว่าการตรวจพบเชื้อเป็นบวกเกินกว่า 5% เข้าข่ายน่ากังวล
ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายรัฐตัดสินใจชะลอการเปิดเมือง หลังจากที่ได้สั่งปิดภาคธุรกิจต่างๆ ไปในช่วงเดือน มี.ค.- เม.ย. จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก และชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนต้องตกงาน
คณะผู้จัดงานมหกรรมแสดงสินค้าในรัฐเทกซัส (Texas state fair) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25 ก.ย. ได้ประกาศยกเลิกการจัดงานปีนี้เป็นครั้งแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอมีคำสั่งให้ประชาชนใน 7 เทศมณฑลต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะตั้งแต่เย็นวันนี้ (8) เป็นต้นไป