รอยเตอร์ – ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดจนถึงวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) ทะลุ 10 ล้านคน เฉพาะอินเดียและบราซิลพบผู้ติดเชื้อวันละกว่า 10,000 คน ขณะที่เคสใหม่ในอเมริกาใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 40,000 คนติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อวันเสาร์ (27 มิ.ย.)
องค์การอนามัยโลกระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 10 ล้านคนถือว่า สูงกว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงตลอดทั้งปีเกือบสองเท่า
ข้อมูลล่าสุดนี้เกิดขึ้นขณะที่หลายประเทศที่เคยเผชิญการระบาดหนักกำลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตสำหรับช่วงเวลาอีกหนึ่งปีเป็นอย่างน้อยจนกว่าจะมีการคิดค้นวัคซีนที่ใช้ได้ผลสำเร็จ
บางประเทศกำลังเผชิญการระบาดรอบใหม่ ส่งผลให้รัฐบาลต้องฟื้นมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนมาใช้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า รูปแบบการยกเลิกสลับกับบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ใหม่นี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
จากข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่อ้างอิงสถิติของรัฐบาลประเทศต่างๆ อเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา และยุโรปมีผู้ติดเชื้อภูมิภาคละ 25% ขณะที่เอเชียและตะวันออกกลางมี 11% และ 9% ตามลำดับ
สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 497,000 คน เกือบเท่ากับผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปี
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายแรกของโลกที่ได้รับการยืนยันพบที่เมืองอู่ฮั่นในจีนเมื่อวันที่ 10 มกราคม ก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะข้ามไประบาดในยุโรป อเมริกา และรัสเซีย และทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ โรคระบาดได้เข้าสู่ขั้นตอนใหม่ โดยอินเดียและบราซิลพบผู้ติดเชื้อวันละกว่า 10,000 คน และสองประเทศนี้มีจำนวนเคสใหม่รวมกันเกือบ 1 ใน 3 ของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
บราซิลรายงานยอดผู้เสียชีวิต 54,700 คนเมื่อวันที่ 19 ที่ผ่านมา ขณะที่นักวิจัยบางคนระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในละตินอเมริกาอาจพุ่งเป็นกว่า 380,000 คนภายในเดือนตุลาคม จากราว 100,000 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน หลายประเทศ เช่น จีน นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย พบการระบาดรอบใหม่ แม้สามารถควบคุมการแพร่เชื้อในท้องถิ่นได้เป็นส่วนใหญ่ก็ตาม
ที่ปักกิ่งที่พบผู้ติดเชื้อใหม่หลายร้อยคนเชื่อมโยงกับตลาดค้าส่งขนาดใหญ่แห่งหนึ่งนั้น มีการเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อเป็นวันละ 300,000 คน
อเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลกคือกว่า 2.5 ล้านคน และกว่า 125,000 คนตามลำดับนั้น สามารถชะลอการระบาดในเดือนพฤษภาคม แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งขึ้นใหม่ในชนบทและพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อ และ 5 รัฐพบเคสใหม่รายวันเพิ่มขึ้นทำสถิติเมื่อวันเสาร์ (27 มิ.ย.) โดยรัฐที่พบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นส่วนใหญ่เป็นรัฐทางใต้และตะวันตกที่ปลดล็อกอย่างรวดเร็ว
ฟลอริดารายงานเมื่อเช้าวันเสาร์ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงถึง 9,585 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดวันที่ 2 ส่วนแอริโซนาพบ 3,591 คน เท่ากับเมื่อวันอังคารที่แล้ว (23 มิ.ย.)
สถานการณ์เหล่านี้ส่งผลให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ยกเลิกการเดินทางไปหาเสียงช่วยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสัปดาห์นี้ที่ฟลอริดาและแอริโซนา
ทั้งนี้ อเมริกาพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 40,000 คนติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันเสาร์ และในวันเดียวกันนั้น เจย์ อินส์ลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน แถลงว่า วอชิงตันจะระงับการปลดล็อกเศรษฐกิจขั้นตอนต่อไป เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอีกระลอก
เกร็ก แอ็บบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัส ซึ่งเป็นรัฐหัวหอกที่สนับสนุนให้พนักงานกลับไปทำงานอีกครั้ง ประกาศปิดบาร์ทั่วรัฐและสั่งให้ร้านอาหารจำกัดจำนวนลูกค้าในร้านที่อยู่ในอาคาร โดยยอมรับว่า อนุญาตให้เปิดบาร์เร็วเกินไป
แต่แม้มีการระบาดรุนแรงขึ้น ทั้งแอ็บบอตต์ และรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ซึ่งล้วนเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันทั้งคู่เช่นเดียวกับทรัมป์ ไม่ยอมตามแรงกดดันให้ออกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากทั่วรัฐ โดยโอนให้สภาเทศบาลท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในบางรัฐ เช่น นิวยอร์กและรัฐใกล้เคียงทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาด พบผู้ติดเชื้อลดลงและกำลังเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการจำกัด