เอเจนซีส์ - หมอใหญ่ผู้เชี่ยวชาญคนสำคัญเตือนภัย สถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อใน 2 สัปดาห์หน้า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในละตินอเมริกาเวลานี้ทะลุ 100,000 คนแล้ว ส่วนเยอรมนีตัดสินใจฟื้นมาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่หลังเคสผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนยังลามไม่หยุด และออสเตรเลียพบผู้เสียชีวิตคนแรกในรอบกว่าเดือน เหล่านี้ย้ำเตือนให้เห็นว่า มหันตภัยโควิด-19 ยังไม่จบง่ายๆ
วิกฤตไวรัสโคโรนาที่ยืดเยื้อมากว่า 6 เดือน ทำให้ประชากรโลกล้มตายไปแล้วเกือบ 500,000 ชีวิต ยังไม่นับรวมความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ
ในวันอังคาร (23) นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ และเป็นที่ปรึกษาของทำเนียบขาวซึ่งได้รับความเชื่อถืออย่างสูงจากวงการสาธารณสุขและสาธารณชน กล่าวเตือนระหว่างให้ปากคำต่อรัฐสภาว่า ใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ท้าทายศักยภาพของอเมริกาในการรับมือยอดผู้ติดเชื้อที่กำลังพุ่งขึ้นในหลายรัฐ อย่างเช่น ฟลอริดา เทกซัส และแอริโซนา และสำทับให้เตรียมพร้อมต่อสู้รับมือระยาว
ขณะนี้ สหรัฐฯมีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อสะสมจากโรคระบาดโควิด-19 มากที่สุดในโลก เฉพาะวันอังคารวันเดียวมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 800 คน เป็นกว่า 121,000 คน ส่วนผู้ติดเชื้อมีกว่า 2.34 ล้านคน
กระนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า จัดการวิกฤตไวรัสโคโรนาอย่างผิดพลาด ยังคงตัดสินใจแน่วแน่ในการเร่งรัดให้อเมริกากลับสู่ภาวะปกติ และยืนยันว่า ต้องการให้ชะลอการตรวจหาผู้ติดเชื้อจริงๆ เพราะยิ่งตรวจมากก็ยิ่งทำให้สถานการณ์การระบาดของอเมริกาดูแย่มาก
ทรัมป์ย้ำว่า ไม่ได้พูดเล่น หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งแก้ข่าวว่า ประธานาธิบดีแค่ล้อเล่นตอนที่ประกาศเรื่องดังกล่าวในระหว่างการหาเสียงที่โอคลาโฮมา เมื่อวันเสาร์ (20)
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ในยุโรปว่า ในสถานการณ์ที่หลายพื้นที่ในอเมริกาไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ทำให้สหภาพยุโรป (อียู) กำลังพิจารณาห้ามนักเดินทางจากสหรัฐฯเข้าอียูต่อไปอีก
ทางด้านละตินอเมริกา ยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนา ด้วยยอดผู้เสียชีวิตที่เกินหลัก 100,000 คนเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่บราซิลที่มีผู้นำต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงดูเบาว่า โควิด-19 เป็นแค่ “ไข้หวัดจิ๊บจ๊อย” นั้น เป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา โดยในวันอังคาร มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในแดนแซมบ้ากว่า 1,300 คน
ทางฝั่งยุโรป เยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกสำคัญชาติแรกในอียูที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่เมื่อ 7 สัปดาห์ที่แล้ว ขณะนี้กลับต้องรื้อฟื้นมาตรการนี้มาบังคับใช้อีกครั้งใน 2 เขตทางตะวันตก ครอบคลุมประชาชนเกือบ 640,000 คน หลังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนในโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 1,500 คน
ด้านโปรตุเกส บังคับใช้มาตรการจำกัดกันใหม่ ภายในและรอบๆ กรุงลิสบอนเช่นเดียวกัน
ที่อังกฤษ ซึ่งเพิ่งมีการประกาศแผนปลดล็อกครั้งใหญ่ อนุญาตให้ผับ โรงแรม ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และแกลเลอรี่เปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 เดือนหน้านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชั้นนำ 16 คนร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่ในวารสารบริติช เมดิคัล เตือนให้รัฐบาลเตรียมพร้อมรับ “ความเสี่ยงที่แท้จริง” ที่ไวรัสจะกลับมาระบาดรอบสอง
ทั้งนี้ อังกฤษมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกือบ 43,000 คน สูงที่สุดในยุโรป
นอกจากนี้ความหวังในการจัดการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่อีกครั้งยังสั่นสะเทือนอย่างจัง หลัง โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลกสัญชาติเซอร์เบีย ที่เป็นตัวตั้งตัวตีคนหนึ่งในการจัดการแข่งขันเทนนิสรายการพิเศษในเซอร์เบียช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โดยที่มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมหละหลวม เผยว่า เขาและภรรยา รวมถึงนักเทนนิสอีก 3 คนที่ร่วมแข่งด้วยติดเชื้อโควิด
วันพุธ (24) วิกตอเรียซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลีย พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 คนแรกในรอบกว่า 1 เดือน เป็นชายวัย 80 ปี นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ 20 คน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักติดต่อกันเป็นวันที่ 8 รวมแล้วรัฐนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 1,900 คน
สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความกังวลว่า วิกตอเรียกำลังจะเผชิญการระบาดรอบสอง เนื่องจากมีการระบุว่า ผู้ติดเชื้อ 241 คนเป็นการติดเชื้อภายในชุมชน โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นประกาศขยายสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกหนึ่งเดือน
ที่ญี่ปุ่น ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการนครโตเกียว แถลงว่า การระบาดแบบกลุ่มก้อนในบริษัทแห่งหนึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของเมือง โดยคาดว่า จะมีผู้ติดเชื้อในบริษัทดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 7 คน
นอกจากนั้นยังคาดว่า ผลการตรวจกลุ่มคนในย่านชินจูกูจะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกกว่า 10 คน