รอยเตอร์ - ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ พุ่งทุบสถิติรายวันในรัฐแอละแบมา และอีก 6 รัฐทั่วอเมริกาเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ขณะที่เมืองไมอามีซึ่งมีประชากรหนาแน่นสุดในรัฐฟลอริดาตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวเพื่อยับยั้งการระบาดก่อนถึงสุดสัปดาห์วันชาติ 4 ก.ค. ขณะที่รัฐอาร์คันซอบังคับประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะ
นอร์ทแคโรไลนา, เซาท์แคโรไลนา, เทนเนสซี, อะแลสกา, มิสซูรี, ไอดาโฮ และแอละแบมา ต่างมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (3) ส่วนที่รัฐเทกซัสมีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทุบสถิติใหม่ ถึงขั้นที่แพทย์คนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ทางการสั่ง “ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ” เพื่อคุมไวรัสให้อยู่หมัด
ยอดรวมผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 53,483 รายในช่วงค่ำวันศุกร์ (3) ลดลงเพียงเล็กน้อยจากสถิติ 55,405 รายเมื่อ 1 วันก่อนหน้า
จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นโดยเฉพาะในรัฐทางใต้และตะวันตกสร้างความวิตกกังวลต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการออกมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติ 4 ก.ค.
นอร์ทแคโรไลนาพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,099 ราย และมีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพิ่ม 951 ราย ซึ่งล้วนเป็นสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ บิลล์ ซัฟโฟ นายกเทศมนตรีเมืองวิลมิงตัน ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการที่คนออกมารวมตัวกัน และคาดว่าสุดสัปดาห์นี้ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นอีกเนื่องจากยังมีประชาชนจำนวนมากที่เพิกเฉยต่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย
ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่เชื้อส่วนใหญ่เริ่มเกิดในหมู่คนหนุ่มสาวที่สุขภาพยังดี จึงไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรง อย่างไรก็ตาม นพ.เจอโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์วานนี้ (3) ว่า อัตราการแพร่เชื้อที่เร็วขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มิ.ย.จะยังไม่ปรากฏผลกระทบชัดเจนในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิต “เนื่องจากการตายจะเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ให้หลัง และอาจช้ายิ่งไปกว่านั้น”
คำเตือนจากนายแพทย์ผู้นี้มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะประกาศเดินทางไปพบปะผู้สนับสนุนที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเมานท์รัชมอร์ (Mount Rushmore) ในรัฐเซาท์ดาโกตา โดยมีแผนปราศรัยโจมตี “พวกม็อบฝ่ายซ้าย” และจะชมการแสดงพลุบริเวณหน้าผาที่มีการสลักรูปใบหน้าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ 4 คน
แผนการเยือนของทรัมป์ จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวอเมริกันพื้นเมืองซึ่งระบุว่าสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขก็ออกมาคัดค้านการจัดกิจกรรมรวมคนหมู่มากในช่วงนี้
ทรัมป์ ซึ่งโดนสมาชิกพรรคเดโมแครตและคนในพรรครีพับลิกันบางคนตำหนิติเตียนเรื่องมาตรการรับมือโควิด-19 ยังคงอ้างเรื่อยมาว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นนั้นเป็นเพราะการตรวจคัดกรองที่เพิ่มขึ้น และยังทำนายในสัปดาห์นี้ว่าโควิด-19 “จะหายไปเอง”
คาร์ลอส กิเมเนซ ผู้ปกครองเทศมณฑลไมอามี-เดด ได้ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ก.ค. และระงับการเปิดสถานบันเทิง เช่น กาสิโนและคลับเปลื้องผ้า (strip clubs) โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ไมอามี-เดด และโบรเวิร์ดซึ่งเป็น 2 เทศมณฑลที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในฟลอริดาก็ได้มีคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะ
อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ อนุญาตให้ฝ่ายบริหารเมืองต่างๆ สามารถสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากขณะออกจากบ้านได้ เช่นเดียวกับผู้ว่าฯ เทกซัส เกร็ก แอ็บบอตต์ ซึ่งบังคับสวมหน้ากากในพื้นที่สาธารณะหลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐทางใต้แห่งนี้พุ่งสูงขึ้น