เอเจนซีส์ - โรคระบาดโควิด-19 ยังแผลงฤทธิ์รุนแรง อเมริกาพบเคสใหม่เกินวันละ 50,000 คน เป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ (1 ก.ค.) ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงวันละ 160,000 คน
ร้านอาหาร บาร์ และชายหาดในอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รุนแรงที่สุดในโลก ถูกสั่งปิดอีกครั้งตั้งแต่แคลิฟอร์เนียไปจนถึงฟลอริดา ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในหลายรัฐยังพุ่งทะยาน โดยเฉพาะรัฐทางใต้และตะวันตกที่เร่งเปิดเมือง ส่งผลให้รัฐต่างๆ หลายแห่งเริ่มบังคับให้มีการกักตัวนักเดินทางจากรัฐอื่นนาน 14 วัน
ทั้งนี้ ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เมื่อวันพุธ ระบุว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อในอเมริกาเพิ่มขึ้นกว่า 52,000 คน และเสียชีวิต 700 คน รวมยอดสะสมผู้ติดเชื้อเป็น 128,000 คน
กระนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำความเชื่อของตัวเองว่า วันหนึ่งวิกฤตโรคระบาดจะหายไป ขณะเดียวกัน ก็กลับลำหันมาบอกว่า ตัวเขาไม่ได้มีปัญหากับการสวมหน้ากาก แม้ยังคงไม่มีภาพประมุขสหรัฐฯผู้นี้ สวมหน้ากากในที่สาธารณะปรากฏให้เห็นเลยก็ตาม
สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มีขึ้นขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) ตัดชื่ออเมริกา บราซิล และ รัสเซีย ออกจากรายนาม 15 ประเทศ ซึ่งปลอดภัยพอที่จะอนุญาตให้นักเดินทางของประเทศเหล่านั้นเดินทางเข้าสู่อียูได้
ที่บราซิล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และรั้งอันดับ 2 รองจากอเมริกา สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมนั้น รายงานเมื่อวันพุธว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 1,000 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมพุ่งขึ้นเกิน 60,000 คน
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 10 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 500,000 คนทั่วโลก องค์การอนามัยโลก เตือนว่า วิกฤตโรคระบาดยังไม่จบ หรือกระทั่งยังไม่ได้ใกล้ที่จะจบด้วยซ้ำ
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกในช่วงวันที่ 25 มิถุนายน ถึง 1 กรกฎาคม พุ่งขึ้นเกินกว่าวันละ 160,000 คนทุกวัน โดยวันที่ 28 มิถุนายน ทำสถิติสูงที่สุด คือ พบเคสใหม่กว่า 189,500 คน เขาชี้ด้วยว่า ยอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมดในเวลานี้ มีถึง 60% เป็นผู้ที่รายงานว่าป่วยภายในช่วงเดือนที่ผ่านมานี่เอง
ก่อนวันที่ 25 มิถุนายน จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งเกิน 160,000 คน มีเพียงสองครั้ง โดยเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าทั้งสองวัน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันไม่เคยเกิน 100,000 คน จนกระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม
เทดรอสย้ำว่า การใช้แนวทางที่ครอบคลุมหลายๆ มาตรการ ได้แก่ การค้นหาและกักตัวผู้ติดเชื้อ การตรวจหาผู้ติดเชื้อและรักษา การติดตามและกักตัวผู้สัมผัสโรค การสนับสนุนอุปกรณ์และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาล รวมทั้งให้ความรู้และสนับสนุนให้ชุมชนสามารถป้องกันตนเองได้ เป็นวิธีการสกัดการระบาดที่ดีที่สุด
ทางด้านญี่ปุ่น โตเกียวยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 107 คนในวันพฤหัสฯ นับเป็นสถิติรายวันสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน และเทียบกับวันพุธที่พบเคสใหม่เพียง 67 คน
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากทางการโตเกียวตั้งเป้ากดอัตราการติดเชื้อรายวันให้ต่ำกว่า 20 คน หลังจากรัฐบาลยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม แต่กลับกลายเป็นว่า เมืองหลวงของโตเกียวมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละกว่า 50 คนในสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม โยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แถลงว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศมาตรการฉุกเฉินใหม่ แต่รัฐบาลจะยังคงติดตามสถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรง และดำเนินการเพื่อป้องกันการระบาดควบคู่กับการสนับสนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 19,000 คน และเสียชีวิต 976 คน ถือเป็นอัตราการติดเชื้อโดยรวมต่ำกว่าอีกหลายประเทศ
สำหรับที่เมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย ตำรวจกว่า 1,000 นาย ตั้งด่านตรวจ 36 จุด ในย่านชานเมืองที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ นอกจากนี้ ทางการยังพิจารณาใช้โดรนตรวจสอบการบังคับใช้คำสั่งให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้าน
ขณะที่รัฐอื่นๆ เปิดพรมแดนและผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม วิกตอเรียกลับต้องฟื้นมาตรการล็อกดาวน์ในเมลเบิร์นเพื่อสกัดการระบาดรอบใหม่ โดยในวันพฤหัสฯ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นภายในรัฐ 77 คน มากกว่าวันพุธเล็กน้อย แต่ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก
