เอเจนซีส์ - องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ยังไม่มีวี่แววจบลงในเวลาอันใกล้ พร้อมเผยว่าเตรียมส่งทีมไปค้นหาต้นตอไวรัสที่จีนสัปดาห์หน้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดเศรษฐกิจอเมริกัน ไตรมาส 2 อาจดำดิ่งเป็นประวัติการณ์ ส่วนความสามารถในการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมการระบาด
เทดรอส แอดฮานอม เกรเบเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวเมื่อวันจันทร์ (29 มิ.ย.) ว่า ถึงแม้ผู้คนทั่วโลกต้องการกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ในความเป็นจริงโรคระบาดใหญ่ยังไม่แม้แต่ใกล้เคียงที่จะจบลง แม้ว่าหลายประเทศมีความคืบหน้าในบางระดับ แต่สถานการณ์การแพร่เชื้อทั่วโลกถือว่า ลุกลามเร็วมาก
ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเกิน 10 ล้านคนแล้ว และเสียชีวิตกว่าครึ่งล้าน นับจากที่โรคนี้อุบัติขึ้นในจีนตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย ล่าสุด WHO เผยด้วยว่า จะส่งทีมไปค้นหาที่มาของไวรัสมรณะนี้ที่จีนในสัปดาห์หน้า
ขณะนี้อเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสม 2.5 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 125,000 คน เฉพาะวันจันทร์มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 42,000 คนเป็นอย่างน้อย แต่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงเหลือเพียง 355 คน
ทางด้านเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอเมริกาประจำไตรมาส 2 จะลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และความสามารถในการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมโรคระบาด
หลายรัฐทางภาคใต้และภาคตะวันตกของอเมริกาที่เดินหน้าปลดล็อกก่อนรัฐอื่นๆ เวลานี้พบการระบาดรุนแรงที่สุด และทำให้บางรัฐถูกบีบให้สั่งปิดร้านอาหาร บาร์ และชายหาดอีกครั้ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกกดดันมากขึ้นให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะเพื่อเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน
ทรัมป์อาจเลี่ยงการสวมหน้ากากไม่ได้ตลอดไป เพราะอย่างน้อยเมืองแจ็กสันวิลล์ รัฐฟลอริดา ที่เขามีกำหนดไปร่วมการประชุมใหญ่พรรคในเดือนสิงหาคม ประกาศให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากในที่สาธารณะตั้งแต่วันจันทร์
วันเดียวกัน มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากของรีพับลิกันในวุฒิสภาที่เคยเข้าข้างทรัมป์เป็นปี่เป็นขลุ่ยมาตลอด กลับออกมาสนับสนุนการสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านเพื่อปกป้องทั้งตัวเองและคนอื่น
อย่างไรก็ดี แม้พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใหม่ แต่เคย์ลีห์ แม็กอีแนนี โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า ประธานาธิบดีไม่มีความคิดที่จะดำเนินการดังกล่าว
สำหรับประเทศอื่นๆ บราซิล ประเทศที่เผชิญการระบาดรุนแรงอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา พบผู้ติดเชื้อรวม 259,105 คนในช่วง 7 วันจนถึงวันอาทิตย์ (28 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นช่วงสัปดาห์ที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด
ที่ยุโรป นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เรียกร้องให้จัดตั้งกองทุนเพื่อการฟื้นตัวของสหภาพยุโรป (อียู) ที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลียของเยอรมนี มีคำสั่งขยายมาตรการล็อกดาวน์เขตพื้นที่ที่มีการระบาดแบบกลุ่มก้อนในโรงฆ่าสัตว์
ส่วนที่สวิตเซอร์แลนด์ ผู้จัดประกาศยกเลิกงานเจนีวา อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์ โชว์ ในปี 2021 หลังจากเลื่อนงานออกไปแล้วในปีนี้
ด้านอังกฤษฟื้นมาตรการล็อกดาวน์เมืองเลสเตอร์ หลังพบอัตราการติดเชื้อในรอบ 7 วันที่ผ่านมา สูงกว่าเมืองที่มีการระบาดรุนแรงรองลงมาถึง 3 เท่า และจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองนี้คิดเป็น 10% ของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ
สำหรับ อิหร่าน ประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในตะวันออกกลาง พบผู้เสียชีวิต 162 คนในวันจันทร์ นับเป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุด หลังจากรัฐบาลเพิ่งบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากหากมีการรวมตัวทำกิจกรรมภายในอาคารเมื่อวันเสาร์ (27 มิ.ย.)
ทางเอเชีย อินเดียที่ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป พบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18,500 คน และเสียชีวิต 385 คนในวันเสาร์
ขณะเดียวกัน จีนออกคำสั่งล็อกดาวน์ประชาชนเกือบครึ่งล้านในพื้นที่รอบๆกรุงปักกิ่งของมณฑลเหอเป่ย ที่พบการระบาดแบบกลุ่มก้อนก่อนหน้านี้