ผู้จัดการรายวัน360-"นฤมล"ปฏิเสธเรื่องนั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล แค่มาคุมงานนโยบายเศรษฐกิจของพรรค เมินเสียงยี้ บอกเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ปัดเกาเหลาทีม "สมคิด" ยังเคารพมากเหมือนเดิม พร้อมตอบอย่างมั่นใจ "ไม่เสียเซลฟ์" หลังถูกถล่มว่ามือไม่ถึง “มาดามเดียร์”ปัดเสียบโฆษกรัฐบาล
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นไปตามที่นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ชี้แจงในการประชุมใหญ่พรรค เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มิ.ย.2563ที่ผ่านมา ในส่วนของภารกิจพรรคการเมืองที่ต้องดูแลความเป็นอยู่ขอพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้กำชับว่า หลังเรื่องโควิด-19 คลี่คลาย ต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ภารกิจหลักที่เราจะทำ คือ นโยบายที่จะออกมาช่วยพี่น้องประชาชน เพราะเรามี ส.ส.อยู่ในทุกภาค พวกเขาจะรับเรื่องเดือดร้อนของประชาชนมา มีทีมงานของพรรค คือทีมที่เคยทำงานกันอยู่เดิม และทีมที่เข้ามาเสริม ก็จะมีทีมข่ายวิชาการ ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่ออกเป็นนโยบาย
เมื่อถามว่า แค่อยู่ในทีม หรือเป็นหัวหน้าทีม นางนฤมล กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ตนอยู่ในทีมเศรษฐกิจอยู่แล้ว ในส่วนของนโยบาย ท่านเลขาธิการพรรคเลยบอกว่า ให้รับผิดชอบต่อเท่านั้นเอง
"คงไม่ได้เรียกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปอีก เพราะอันนี้เป็นเรื่องของการทำนโยบายของพรรค เราคงจะเป็นเวทีหนึ่งที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และเราจะตกผลึกออกมาเป็นนโยบาย ผ่านพรรคการเมืองมาที่นายกฯ และครม."นางนฤมล กล่าว และว่า เป็นคนละส่วนกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งส่วนนั้นจะมีรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแล และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง
ส่วนที่มีกระแสในทางลบออกมานั้น นางนฤมล กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ต้องมีคำวิพากษ์ วิจารณ์ อะไรที่นำมาปรับปรุงได้ เราก็จะนำมาปรับปรุง เพราะจากประสบการณ์จริงๆ แต่เดิมเป็นอาจารย์ สอนด้านการเงิน และนอกจากสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ก็ยังมีงานวิชาการที่ทำ จนเป็นศาสตราจารย์ นอกจากงานเหล่านี้แล้ว ก็ได้เป็นที่ปรึกษาของตลาดหลักทรัพย์มากว่า 10 ปี และเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารหลายแห่ง ในส่วนของตลาดเงิน และช่วยในเรื่องของภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ในตำแหน่งกรรมการ ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้เข้ามาช่วยงานในกระทรวงการคลัง ใครถามว่าเราทำอะไรมาบ้าง ก็คงตอบได้ประมาณนี้ เราก็มีความรู้ในเรื่องของตลาดทุน ตลาดเงิน งานวิจัยด้านนโยบายที่เคยช่วยมา อย่างที่กระทรวงการคลังที่ทราบประวัติกันดี
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกี่ยวกับการทำงานในเรื่องนี้หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า นายสมคิด ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ที่ผ่านมา ท่านเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ ซึ่งการนำเสนอเรื่องต่างๆ คงนำเสนอผ่านพรรค แล้วแต่ว่าทางพรรคจะนำเสนอไปช่องทางใด
เมื่อถามถึงกระแส่ข่าวระหองระแหงกันระหว่างทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหากัน ตนยังทักทาย และให้ความเคารพท่านอย่างมากเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อาจทำให้ทุกคนตีความไปในลักษณะนั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ นางนฤมล กล่าวว่า แล้วแต่ท่านนายกฯ จะไว้ใจ ซึ่งตนยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับท่านเลย คุยแต่เรื่องงาน อย่างเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับงานคมนาคม ท่านจะสนใจแต่เรื่องงานประสัมพันธ์ว่า ทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่ยังไม่เคยคุยเรื่องครม.
เมื่อถามถึงเป้าหมายในการเข้ามาทำงานการเมือง นางนฤมล กล่าวว่า ต้องการทำงานให้พี่น้องประชาชน ไม่ได้คาดหวังถึงตำแหน่ง ตั้งแต่เดินเข้ามาในเส้นทางการเมือง
เมื่อถามว่าจากเสียงวิจารณ์ ทำให้เสียความรู้สึก หรือไม่ นางนฤมล ยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจว่าไม่เสียเซลฟ์
เมื่อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ถึงขนาดมองว่าเป็นการแทงข้างหลัง ทีมนายสมคิด นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีค่ะ เป็นการตีความกันไปเอง
เมื่อถามว่าหลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้คุยกับนายสมคิด บ้างหรือยังนางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรเจอท่านยังทักทาย และให้ความเคารพ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงในพรรคจึงทำให้ถูกตีความว่าขัดแย้ง
นายณัฏฐพล ทีปสวุรรณ รมว.ศึกษาธิการ และกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวยืนยันว่า นางนฤมล จะเป็นหนึ่งในฝ่ายที่ต้องทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นในส่วนของรัฐบาล แต่เป็นส่วนของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านางนฤมล ยังมือไม่ถึงที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั้น ตนมองว่าในการทำงานของพรรค เป็นการเตรียมงานเพื่อนำเสนอเรื่องต่างๆ เมื่อมาถึง นายกฯ ก็มีทีมงานที่สามารถวิเคราะห์กลั่นกรองเรื่องต่างๆ ได้ ว่าเรื่องไหนมีความเหมาะสม ซึ่งพรรคการเมืองก็อาจจะมีทีมเศรษฐกิจ สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ หากทำให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ นายกฯ ก็สามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ พรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเหมือนพรรคการเมืองอื่น
เมื่อถามว่า นางนฤมล ถือว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเวลาเราพูดถึงบริบททางเศรษฐกิจ มันจะมีความกว้างขวาง เรื่องการท่องเที่ยวหรือสาธารณสุข ก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรามีทีมงานหลายกลุ่มที่ช่วยกันทำงานด้านวิชาการ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในอดีตเราไม่ได้มีส่วนร่วมมากเท่าไรกับภาคเอกชน แต่ต่อไปทุกคนสามารถเข้ามาร่วมงานได้ เราเปิดกว้าง ส่วนจะเปิดกว้างผ่านนางนฤมล หรือหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร คงร่วมงานกันได้ ซึ่งนางนฤมล เป็นหนึ่งในทีมงานด้านเศรษฐกิจของพรรค
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หากมีการปรับ ครม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีโอกาสที่จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะเป็นหนึ่งใน ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ ที่ทำงานอย่างหนัก แต่หากพลาดตำแหน่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะคว้าตำแหน่งโฆษกรัฐบาล หากนางนฤมล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ล่าสุด น.ส.วทันยาได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริง และไม่คิดเรื่องการต่อรอง หรือรับข้อเสนอใครเพื่อตำแหน่งทางการเมือง
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นไปตามที่นายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ชี้แจงในการประชุมใหญ่พรรค เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มิ.ย.2563ที่ผ่านมา ในส่วนของภารกิจพรรคการเมืองที่ต้องดูแลความเป็นอยู่ขอพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้กำชับว่า หลังเรื่องโควิด-19 คลี่คลาย ต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
ทั้งนี้ ภารกิจหลักที่เราจะทำ คือ นโยบายที่จะออกมาช่วยพี่น้องประชาชน เพราะเรามี ส.ส.อยู่ในทุกภาค พวกเขาจะรับเรื่องเดือดร้อนของประชาชนมา มีทีมงานของพรรค คือทีมที่เคยทำงานกันอยู่เดิม และทีมที่เข้ามาเสริม ก็จะมีทีมข่ายวิชาการ ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ในการนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่ออกเป็นนโยบาย
เมื่อถามว่า แค่อยู่ในทีม หรือเป็นหัวหน้าทีม นางนฤมล กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรค ตนอยู่ในทีมเศรษฐกิจอยู่แล้ว ในส่วนของนโยบาย ท่านเลขาธิการพรรคเลยบอกว่า ให้รับผิดชอบต่อเท่านั้นเอง
"คงไม่ได้เรียกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปอีก เพราะอันนี้เป็นเรื่องของการทำนโยบายของพรรค เราคงจะเป็นเวทีหนึ่งที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และเราจะตกผลึกออกมาเป็นนโยบาย ผ่านพรรคการเมืองมาที่นายกฯ และครม."นางนฤมล กล่าว และว่า เป็นคนละส่วนกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งส่วนนั้นจะมีรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแล และนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง
ส่วนที่มีกระแสในทางลบออกมานั้น นางนฤมล กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ต้องมีคำวิพากษ์ วิจารณ์ อะไรที่นำมาปรับปรุงได้ เราก็จะนำมาปรับปรุง เพราะจากประสบการณ์จริงๆ แต่เดิมเป็นอาจารย์ สอนด้านการเงิน และนอกจากสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ก็ยังมีงานวิชาการที่ทำ จนเป็นศาสตราจารย์ นอกจากงานเหล่านี้แล้ว ก็ได้เป็นที่ปรึกษาของตลาดหลักทรัพย์มากว่า 10 ปี และเป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารหลายแห่ง ในส่วนของตลาดเงิน และช่วยในเรื่องของภาคเอกชน และภาคธุรกิจ ในตำแหน่งกรรมการ ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้เข้ามาช่วยงานในกระทรวงการคลัง ใครถามว่าเราทำอะไรมาบ้าง ก็คงตอบได้ประมาณนี้ เราก็มีความรู้ในเรื่องของตลาดทุน ตลาดเงิน งานวิจัยด้านนโยบายที่เคยช่วยมา อย่างที่กระทรวงการคลังที่ทราบประวัติกันดี
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เกี่ยวกับการทำงานในเรื่องนี้หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า นายสมคิด ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ที่ผ่านมา ท่านเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ ซึ่งการนำเสนอเรื่องต่างๆ คงนำเสนอผ่านพรรค แล้วแต่ว่าทางพรรคจะนำเสนอไปช่องทางใด
เมื่อถามถึงกระแส่ข่าวระหองระแหงกันระหว่างทีมเศรษฐกิจของนายสมคิดกับทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหากัน ตนยังทักทาย และให้ความเคารพท่านอย่างมากเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไรกัน เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อาจทำให้ทุกคนตีความไปในลักษณะนั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่จะเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ นางนฤมล กล่าวว่า แล้วแต่ท่านนายกฯ จะไว้ใจ ซึ่งตนยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับท่านเลย คุยแต่เรื่องงาน อย่างเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้รับมอบหมายงานเกี่ยวกับงานคมนาคม ท่านจะสนใจแต่เรื่องงานประสัมพันธ์ว่า ทำอย่างไรให้เป็นรูปธรรม แต่ยังไม่เคยคุยเรื่องครม.
เมื่อถามถึงเป้าหมายในการเข้ามาทำงานการเมือง นางนฤมล กล่าวว่า ต้องการทำงานให้พี่น้องประชาชน ไม่ได้คาดหวังถึงตำแหน่ง ตั้งแต่เดินเข้ามาในเส้นทางการเมือง
เมื่อถามว่าจากเสียงวิจารณ์ ทำให้เสียความรู้สึก หรือไม่ นางนฤมล ยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจว่าไม่เสียเซลฟ์
เมื่อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ถึงขนาดมองว่าเป็นการแทงข้างหลัง ทีมนายสมคิด นางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีค่ะ เป็นการตีความกันไปเอง
เมื่อถามว่าหลังจากเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้คุยกับนายสมคิด บ้างหรือยังนางนฤมล กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไรเจอท่านยังทักทาย และให้ความเคารพ แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงในพรรคจึงทำให้ถูกตีความว่าขัดแย้ง
นายณัฏฐพล ทีปสวุรรณ รมว.ศึกษาธิการ และกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวยืนยันว่า นางนฤมล จะเป็นหนึ่งในฝ่ายที่ต้องทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นในส่วนของรัฐบาล แต่เป็นส่วนของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่านางนฤมล ยังมือไม่ถึงที่จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจนั้น ตนมองว่าในการทำงานของพรรค เป็นการเตรียมงานเพื่อนำเสนอเรื่องต่างๆ เมื่อมาถึง นายกฯ ก็มีทีมงานที่สามารถวิเคราะห์กลั่นกรองเรื่องต่างๆ ได้ ว่าเรื่องไหนมีความเหมาะสม ซึ่งพรรคการเมืองก็อาจจะมีทีมเศรษฐกิจ สามารถนำเสนอข้อมูลต่างๆ หากทำให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ นายกฯ ก็สามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ พรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเหมือนพรรคการเมืองอื่น
เมื่อถามว่า นางนฤมล ถือว่าเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเวลาเราพูดถึงบริบททางเศรษฐกิจ มันจะมีความกว้างขวาง เรื่องการท่องเที่ยวหรือสาธารณสุข ก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรามีทีมงานหลายกลุ่มที่ช่วยกันทำงานด้านวิชาการ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในอดีตเราไม่ได้มีส่วนร่วมมากเท่าไรกับภาคเอกชน แต่ต่อไปทุกคนสามารถเข้ามาร่วมงานได้ เราเปิดกว้าง ส่วนจะเปิดกว้างผ่านนางนฤมล หรือหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรค หรือแม้กระทั่งรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร คงร่วมงานกันได้ ซึ่งนางนฤมล เป็นหนึ่งในทีมงานด้านเศรษฐกิจของพรรค
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หากมีการปรับ ครม. น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีโอกาสที่จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะเป็นหนึ่งใน ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ ที่ทำงานอย่างหนัก แต่หากพลาดตำแหน่ง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะคว้าตำแหน่งโฆษกรัฐบาล หากนางนฤมล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ล่าสุด น.ส.วทันยาได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริง และไม่คิดเรื่องการต่อรอง หรือรับข้อเสนอใครเพื่อตำแหน่งทางการเมือง