ข่าวปนคน คนปนข่าว
**กลอง “นฤมล” ไม่ต้องใช้ใครตี ดังเอง “พรั่งพรู” โปรไฟล์หรูเริ่ด-ผลงานมากมาย บลาบลา... วัดใจลุงตู่ รมต.เศรษฐกิจ “แล้วแต่นายกฯ”
นาทีนี้ “แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ในโลกโซเชียลฯ เพราะว่าได้รับคำอวยจาก “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ว่าที่จะเป็นมือเศรษฐกิจของพรรค แล้วก็เลยมองกันช็อตต่อไปในโอกาสที่ “นฤมล” จะก้าวไปถึง “รัฐมนตรีเศรษฐกิจ” แทนที่ “กลุ่มสี่กุมาร”
ว่ากันว่า โซเชียลฯพอได้ยินอกสั่นขวัญหาย เอฟเฟกต์ยังลามมาถึงเปิดตลาดหุ้นเช้าวันจันทร์ ดัชนีปักหัวฮวบๆ “แดงทั้งกระดาน” เช็กไปเช็กมาปรากฏว่า เป็นความตระหนกของ “นักลงทุน” กับกระแสข่าวความเปลี่ยนแปลงทีมงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรากฏชื่อของ “นฤมล” ที่จะมาคุมทีมเศรษฐกิจ ชื่อชั้นของ “คนใหม่” ที่เป็นห่วงว่า “ไร้ประสบการณ์”
พอนักข่าวปะหน้า “โฆษกแหม่ม” ก็อดถามความรู้สึกที่จู่ๆ กลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” และถูกวิพากษ์วิจารณ์ “ยี้” แบบไม่เกรงใจตำแหน่ง “ศาสตราจารย์” แม้แต่น้อย
“อาจารย์แหม่ม” ไม่ปรากฏว่าเสียเซลฟ์ที่ถูกโซเชียลฯ รุมติติงกลับใช้เวทีที่สื่อมารวมตัวกัน “พรั่งพรู” คำที่อยากบอก อยากสื่อสำทับ ซ้ำย้อนไปแต่เดิมที ตั้งแต่ตั้งพรรคก็ว่าตัวเองอยู่ในทีมนโยบายเศรษฐกิจอยู่แล้ว ก็บังเอิญว่า “ทั่นอนุชา” เลขาธิการพรรค ตาถึงบอกให้ว่ารับผิดชอบต่อเท่านั้นเอง และเขินๆ คงไม่ได้เรียกว่า “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” แค่เป็นเรื่องการทำนโยบายของพรรคทั้งหมด
ส่วนกระแสยี้ เจ้าตัวบอกว่าเป็นเรื่องปกติ น่าสนใจตรงที่ว่าเรื่องมีโอกาสเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่หลายคนคาดการณ์หรือไม่นั้น “นฤมล” ขยิบ “ตาบ๊องแบ๊ว” แล้วว่า เรื่องการทำหน้าที่ในพรรค กับในรัฐบาลเป็นคนละส่วนกัน เพราะเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นอำนาจของนายกฯเท่านั้น ไม่สามารถให้ความเห็นใดๆ ได้เป็นอำนาจของนายกฯแต่เพียงผู้เดียว
คุยไปคุยมาก็เหมือนตัดเข้าโฆษณา เมื่อจู่ๆ “ศาสตราจารย์แหม่ม” ไล่เรียงโปรไฟล์หรู ผลงานมากมายๆ
เล่าประสบการณ์ทำงานเป็นฉากๆ ว่า เป็นอาจารย์สอนด้านการเงิน นอกจากสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ถ้าสายงานวิชาการก็ทำจนเป็น "ศาสตราจารย์" นอกเหนือจากงานวิชาการ งานวิจัย ก็เป็นที่ปรึกษาตลาดหลักทรัพย์มา 10 กว่าปี ในฝั่งตลาดทุน เป็นที่ปรึกษาให้กับธนาคารหลายแห่ง ในฝั่งตลาดเงิน และช่วยภาคเอกชน ธุรกิจในส่วนที่เป็นกรรมการ เป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้ามาช่วยงานที่กระทรวงการคลัง
สื่อจี้ใจดำถามไปว่า ด้วยประสบการณ์ประมาณนี้ มั่นใจสามารถเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ไหม ทำเอา “จารย์แหม่ม” สตั๊นไปอึดใจ ก่อนแก้เกี้ยวว่า “คงไม่สามารถสรุปเช่นนั้น ถ้าถามว่าเราทำอะไรมาบ้าง ก็บอกว่าเราทำมาประมาณนี้ มีความรู้เรื่องตลาดทุน ตลาดเงิน งานวิจัย งานด้านนโยบายที่เคยช่วยอยู่ที่กระทรวงการคลังก็รู้กันดี”
ตบท้ายด้วยคิดอย่างไรกับการมีชื่อคั่วเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ นฤมล บอกว่า “แล้วแต่นายกฯ”
เรียกว่า “ตอบแบบสงวนท่าที” ไม่ปฏิเสธ หากว่าได้โอกาสว่างั้น งานนี้วัดใจ “ลุงตู่” ด้วย ผลงานขนาดนี้ ประสบการณ์มากมาย โปรไฟล์เศรษฐกิจ ..ชอบมั้ย ชอบมั้ย !
อุปมากลองดีไม่ต้องใช้คนตี “นฤมล” ตีเอง
**สตอรี่นี้ไม่ขอรับ “ฌอน” เป็นใคร “นฤมล” ไม่รู้จัก! โซเชียลฯ วอนทั่นโฆษกรัฐบาลตามล่าหาความจริง ค่าจ้าง 3 แสนกับผลงานเอาใจลุง
พลันที่ดรามา “ฌอน บูรณะหิรัญ” นักพูดสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง ถูกแซะมาว่า มีใครบางคนในรัฐบาลเป็นผู้ว่าจ้างให้ไลฟ์โค้ช จัดตอนพิเศษ อีเวนต์ ปลูกป่าร่วมกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดเป็นคลิปชมลุงเป็นผู้ใหญ่น่ารัก ด้วยเม็ดเงิน 3 แสนบาท ท่านได้แต่ใดมา รายการตามล่าหาความจริงก็เกิดขึ้น
ในโลกโซเชียลฯ ได้พยายามค้นหาว่า “แม่บิ๊กอาย” ที่ว่านั่นคือใคร มาเกี่ยวข้องอย่างไรกับนักพูดชื่อดัง ก็ได้ความตามเสียงที่ร่ำลือกันว่า ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสตรีที่ช่วงหลังเดินตามลุงต้อยๆ นั่นเอง เพราะต้องการ “เอาใจ” ผู้ใหญ่งานแบบนี้ หมูๆ
ขณะที่ “หนุ่มไลฟ์โค้ช” ก็เป็นอินฟูเอนเซอร์เบอร์ต้นๆ ของวงการไม่ต่างจากดารา เซเลบ งานดีกิจกรรมรักโลกเสริมส่งภาพลักษณ์ของตัวเอง และได้เนื้อหามาโปรโมตเพจ โปรโมตโซเชียลฯ ความดังของตัวเองก็ตอบรับด้วยดี เพียงแต่มีสตอรี่ของการบริจาคเสริมเข้ามาให้แฟนคลับได้ร่วมกันทำบุญ
จากงานบุญและสตอรี่ที่ได้เนื้อหาท่าจะดีอยู่แล้ว เพียงคำชม “ลุงป้อม” ว่า “เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก” แต่โซเชียลฯ ไม่ชอบสิ่งนี้ คลิปนี้ของหนุ่มนักพูด เพจ โดนถอนตัวตีห่างว่ากันหายไปเป็นล้านคนภายในไม่กี่วัน ก็เลยพลิกชีวิต “ฌอน”
พอมาถึงเมื่อวาน (29 มิ.ย) ข่าวว่ารายการตามหาความจริงลามไปถึงทำเนียบฯ นักข่าวเจอ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอคำชี้แจง กระแสข่าวอ้างว่าเป็นคนในรัฐบาลจ้าง “ฌอน บูรณะหิรัญ” มาทำงานสร้างภาพลักษณ์ให้ พล.อ.ประวิตร “นฤมล” ปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก ก่อนจะเดินหนีไปทันที
แหม เล่นเอานักข่าวผิดหวังไปตามๆ กัน เงิน “3 แสนบาท” กับการได้คลิปสร้างผลงานเสริมบารมี “ลุงป้อม” ก็เลยยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายรัฐบาล ชาวโซเชียลฯ ฝากมาว่าไม่รู้จัก “ฌอน” ก็ไม่เป็นไร ฌอนไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร ? หน่วยงานไหน ใครเป็นเจ้าภาพ เจ้าของเงิน 3 แสนค่าจ้างนักพูดชื่อดัง
ยังไงก็วอนทั่นโฆษกฯ ขานไขนิดหนึ่ง
**งบโควิด 4 แสนล้าน ทำเอา กมธ.ในฝั่งรัฐบาลแตกหักกันเอง เมื่อ “ณัฐวุฒิ” ไขก๊อก ขณะที่ “ไพบูลย์” ยังท้าลั่นใครจะออกอีกก็ทำหนังสือมาเลย อย่ามัวแต่พูด!!
หลังจากรัฐบาลออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ มีอยู่ 400,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลกันไว้สำหรับ แผนงาน โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างจับจ้องอยู่
ก่อนหน้านี้ “พรรคก้าวไกล” จากซีกฝ่ายค้าน เสนอให้ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จำนวนนี้ แต่พรรคพลังประชารัฐ คัดค้าน โดยอ้างว่าจะเป็นการซ้ำซ้อนกัน เพราะในสภาฯ ก็มี กมธ.สามัญที่ดูแลเรื่องงบประมาณอยู่แล้ว และยังมี กมธ.กิจการสภาฯ มี กมธ.ป.ป.ช. ที่จะติดตามตรวจสอบได้อยู่แล้ว
แต่เมื่อตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” กลับไปเห็นด้วยกับฝ่ายค้าน... ด้วยลึกๆ แล้วเกรงว่า “เค้กก้อนนี้” จะถูกพรรคพลังประชารัฐ ตัดแบ่งเอาไปเป็นส่วนใหญ่ จึงเห็นควรให้ตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณา เพื่อความโปร่งใส ... เมื่อพรรคร่วมรัฐบาลส่งสัญญาณเช่นนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงจำต้องออกมาเปิดไฟเขียว ให้มีการตั้ง กมธ.วิสามัญคณะนี้
แน่นอนว่า ตามเกมแล้วพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาล ต้องยึดตำแหน่งประธาน เอาไว้ให้ได้ จึงมีการวางตัว “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค ซึ่งถือว่าเป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” และเป็นแกนนำคนสำคัญใน “ปฏิบัติการยึดพรรค” ไปนั่งเป็นประธาน
ครั้งถึงวันประชุม กมธ.เพื่อเลือกประธาน ...ทันทีที่เข้าสู่วาระการประชุม กมธ.ซีกฝ่ายค้าน ก็เสนอให้ซีกรัฐบาลเสียสละ ให้ตัวแทนจากฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ประธาน เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ เพราะเป็นเงินจำนวนมากที่รัฐบาลกู้มา และเพื่อสอดคล้องกับสิ่งที่ “ลุงตู่” ได้ประกาศถึงแนวทางการทำงานของ “รัฐบาลนิวนอร์มัล” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมแสดงความเห็น และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
แต่ ส.ส.พลังประชารัฐ ชิงตัดบทเสนอชื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” เป็นประธาน กมธ. ทันที
จากนั้นบรรยากาศในการประชุมเริ่มตึงเครียด เพราะฝ่ายค้านรุกหนัก เพื่อจะให้ประธาน กมธ.เป็นคนของฝ่ายค้าน ...และบรรยากาศยิ่งเครียดหนัก เมื่อ “ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ” ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งอยู่ในซีกรัฐบาล ได้เสนอชื่อ “กนก วงษ์ตระหง่าน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ประกบกับ “ไพบูลย์” ทำให้ กมธ.ซีกฝ่ายค้านหันมาสนับสนุน “กนก” ... ขณะที่ “วิปรัฐบาล” ที่เป็นตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็พยายามติดต่อให้ “กนก” ถอนตัว แต่ไม่เป็นผล บรรยากาศในขณะนั้น เรียกได้ว่า โกลาหล !!
เมื่อถึงเวลาโหวต ซึ่งตามระเบียบแล้วต้องเป็นการ “โหวตลับ” ทางด้าน ”เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต้อเดินล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลให้วุ่น ด้วยเกรงว่า กมธ.จากประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย จะเทคะแนนให้ “กนก”... ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดูไม่จืดแน่ !!
หลังจากลุ้นกันใจหายใจคว่ำ สุดท้ายผลการลงคะแนนลับ ปรากฏว่า “ไพบูลย์” ชนะ “กนก” ด้วยคะแนน 28 ต่อ 19
ปัญหาระหว่าง “ไพบูลย์” กับ “ณัฐวุฒิ” ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะในการประชุม กมธ.นัดแรก หลังจาก “ไพบูลย์” นั่งประธานกมธ.แล้ว ความวุ่นวายก็ยังเกิดขึ้น เมื่อท่านประธาน ให้ กมธ.แต่ละคนแนะนำตัว แต่ “ณัฐวุฒิ” ลุกขึ้นทักท้วงว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา กระนั้น “ไพบูลย์” ก็ยังคงยืนกรานให้ กมธ.แนะนำตัวต่อไป “ณัฐวุฒิ” จึงวอล์กเอาต์จากห้องประชุม
ล่าสุด “ณัฐวุฒิ” ก็ได้ยื่นลาออกจาก กมธ.วิสามัญฯ คณะนี้แล้ว อ้างว่ามีภารกิจมากจึงขอลาออก
ขณะที่ “ไพบูลย์” บอกว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ตนยังคงทำหน้าที่ประธาน กมธ. ต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ และไม่ได้กังวลว่าจะมีใครลาออกอีก พร้อมทิ้งท้ายอย่างท้าทาย ว่า “หากใครต้องการลาออก อย่ามัวแต่พูด ให้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์มา”
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เหมือนเป็นสัญญาณให้เห็นถึงรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลก็ว่าได้
นี่ขนาดงบ 400,000 ล้าน ที่ว่านี้ยังไม่ได้กู้มา แต่ก็มีโครงการต่างๆ เสนอเข้ามาของบกันล้นหลาม ประมาณ 1 ล้านล้านเข้าไปแล้ว เมื่อถึงเวลาพิจารณา “แบ่งเค้ก” คงดุเดือดกว่านี้ ...โดยเฉพาะต้องจับตา กมธ.ในส่วนของ 3 พรรคใหญ่ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และ ภูมิใจไทย !!