**“นฤมล” กำลังคึกจัด คิดวัดรอยเท้า “สมคิด”? ตะกายฝันหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แค่โยนหินถามทางมา หรือว่า “ลุงตู่-ลุงป้อม” คิดจะเอาแบบนี้ ..ไหวหรือลุง ?!!
พลันที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัด “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมๆ กับคำประกาศของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรคคนใหม่ ว่า พปชร.ยุคใหม่ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่นั้น จะนำโดย “แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดยว่าไปถึงจะมีคนมีชื่อเสียงตอบรับเข้าร่วมทีมกับ “นฤมล” ... เท่านั้นเองปฏิกิริยาก็มาทุกทิศทุกทาง โลกโซเชียลฯ เดือดปุดๆ หัวเราะมิออก ร่ำไห้มิได้
ว่ากันว่า นี่คือการตบรางวัลโบนัสก้อนใหญ่จาก “ผู้ใหญ่” ในฐานะเป็นคนของก๊วนเครือข่ายฝ่ายก่อการยึดอำนาจพลังประชารัฐทำสำเร็จ
ฟังว่า “โบนัส” นี้ ทำให้อาจารย์แหม่มถึงกับคึกคักสุดขีด หลังลงทุนลงแรงตามติดรับใช้ “ผู้ใหญ่” ช่วงก่อนหน้านี้เหมือนรู้ทิศทางลม จนไต่ขึ้นมาอยู่แถวหน้าเป็นหญิงหนึ่งเดียวในหมู่แกนนำชายแบบคาดไม่ถึง เพราะเส้นทางการเมืองของ “นฤมล” จากอาจารย์สอนอยู่ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า และเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินและการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน เข้ามาสู่การเมืองได้ก็เป็นเพราะ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” โอบอุ้มเข้ามา โดยให้มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” ในสมัย คสช.
สังคมโซเชียลฯ พากันสงสัย ถ้าตัดเกมการเมืองที่เล่นกันแบบต่างตอบแทนโดยเสน่หาออกไป ถามกันว่า “นฤมล” มีผลงานอะไร และ คุณสมบัติอย่างไร จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ก็แว่วว่า เธอก็มั่นอกมั่นใจว่าตนเองมีความพร้อม และสามารถที่จะคุมเศรษฐกิจได้ วาดหวังจะมีตำแหน่งใน ครม.เศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ก.คลัง นั้นมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ
และถ้าพรรคของลุงป้อมจะเอาจริง “นฤมล” อาจจะพุ่งพรวดขึ้นไปเป็น “รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ” ในตำแหน่งเดียวกับที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นอยู่ในขณะนี้ เรียกว่า “วัดรอยเท้า” สมคิด เลยทีเดียว
“นฤมล” เป็นศาสตราจารย์ วัย 47 เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2516 สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสถิติศาสตรบัณฑิต (คณิตศาสตร์ประยุกต์) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนไปศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (คณิตศาสตร์ประยุกต์) มหาวิทยาลัยรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (เศรษฐศาสตร์ประยุกต์) และ ปริญญาเอกปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเงิน) จากวิทยาลัยวาร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ชีวิตครอบครัว สมรสกับ “นายจุมพล ภิญโญสินวัฒน์” ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ มีบุตรธิดา 2 คน
ประวัติการทำงาน “นฤมล” แจ้ง ป.ป.ช. ว่าระหว่างปี 2538-2561 เป็นศาสตราจารย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจระหว่างปี 2556-2561 เป็นกรรมการบริษัท 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พรีไซซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
เรียกว่าดูตามโปรไฟล์แล้ว “นฤมล” ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ในแง่ของฝีไม้ลายมือการบริหารเศรษฐกิจอะไรเลย
ยิ่งหากมองทีมเศรษฐกิจปัจจุบันของ “ทีมลุงตู่” ผ่านซูเปอร์โพลล่าสุด ซึ่งที่น่าสนใจว่า เมื่อถามถึงการรับรู้ต่อความซื่อสัตย์ สุจริตของรัฐมนตรีทั้งสี่ ที่ตกเป็นข่าวจะถูกปรับออก พบผู้ที่ได้คะแนนความซื่อสัตย์ สุจริต สูงที่สุด ได้แก่ “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง ร้อยละ 59.3 รองลงมาคือ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน ร้อยละ 59.2, สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ ร้อยละ 59.0 และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 52.5 ตามลำดับ
โพลยังระบุถึงประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ การรับรู้ต่อประวัติด่างพร้อย หรือเกี่ยวโยงทุจริต ผลประโยชน์ต่างตอบแทนบุญคุณของบางคนที่ตกเป็นข่าวจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 90.3 เคยได้ยินต่อบุคคลที่มีประวัติด่างพร้อย เกี่ยวโยงทุจริต ผลประโยชน์ต่างตอบแทนบุญคุณกัน เข้ามาจะถอนทุนคืน มีเพียงร้อยละ 9.7 เท่านั้นที่ไม่เคยได้ยิน
ขณะที่ความคาดหวังของคนในสังคม วิกฤตเศรฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ ควรต้องมีความสามารถที่ยอมรับ ชื่อชั้นของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชื่อ “นฤมล” ก็ยิ่งถูกตั้งคำถาม
อย่าลืมว่า ข่าวก่อนหน้าที่ว่า พรรคเจรจาทาบทามมือเศรษฐกิจ ทั้ง “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” และ “ปรีดี ดาวฉาย” จากค่ายกสิกรไทย พอรู้ว่าต้องมาอยู่ภายใต้การกำกับของ “นฤมล” ก็โดดตัวยาว ปฏิเสธกันไปแล้ว ขนาดมืออาชีพยังแสดงออกเช่นนี้
เอาเป็นว่า ไมว่า “อนุชา” เจตนาจะโยนหินถามทาง หรือ “นฤมล” ขันอาสามาเอง มโนขึ้นมา ออกมารูปนี้จึงโดนโซเชียลฯ ร้องยี้ ไม่ขำ ไม่บันเทิงด้วย ถือว่าเหมือนตบหน้าประชาชน ดูถูกสติปัญญากันมากไปมั้ย ?
นี่แทบไม่ต้องถามว่ารับกันได้มั้ย ? “อนุชา” จึงรีบออกมาแก้พัลวันว่า แค่ให้เป็นมือนโยบายเศรษฐกิจของพรรค ไม่ได้หมายถึงเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
ที่ต้องถามจริงๆ เมื่อ “นฤมล” คิดตะกายดาว ย้ำกันอีกที คือ “ลุงตู่-ลุงป้อม” คิดจะยังไง ไหวหรือลุง ?
**เบื้องหลังฌอนเจอลุง ก่อนจะเกิดดรามาชมผู้ใหญ่น่ารัก เพราะ “แม่บิ๊กอาย” จัดให้จ้าง 3 แสน แค่หวังอินฟลูเอนเซอร์ ช่วยดันภาพลุงปลูกป่า
กลายเป็นเรื่องบานปลายร้อนฉ่าในโลกออนไลน์ไม่หยุด กรณีดรามา “ฌอน บูรณะหิรัญ” พิธีกร นักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดังออกมาชม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ถอดด้าม ว่า เจอตัวจริงเป็น “ผู้ใหญ่ที่น่ารัก” ไม่เห็นเหมือนในมุมที่มีคนล้อ ระหว่างไปร่วมอีเวนต์ปลูกป่าที่เชียงใหม่ จนกลายเป็นประเด็นที่ชาวโซเชียลฯ เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง รุมถล่มเพจและโซเชียลมีเดียในทุกช่องทางของหนุ่มไลฟ์โค้ช ทำให้จำนวนคนที่ติดตามลดลงเป็นล้าน
กระแสดรามาร้อนเป็นไฟมาต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อทีมอาสาร่วมดับไฟป่า ที่เชียงใหม่ ฝากเพจสายดาร์ก อย่าง “แหม่มโพธิ์ดำ” ถามหาเงินบริจาคที่หายไป โดยระบุว่า เพจใหญ่มีคนตามหลายล้าน เปิดรับบริจาค1 เดือน คนแชร์เพียบ กดไลก์เป็นแสน แต่ไม่เคยมีการเปิดเผยยอดบริจาค และไม่เคยได้รับสิ่งของจาก “ฌอน” เลย
ร้อนลวกมือแบบนี้ ก็เลยกดดันให้ “ฌอน” ต้องโพสต์ชี้แจงผ่านเพจ “Sean Buranahiran - ฌอน บูรณะหิรัญ” ถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า ยอดบริจาคจากแฟนเพจเพื่อช่วยแก้ปัญหา มี 2 วิกฤต 2 วาระ คือ 1. ด้านไฟป่า 2. เรื่องไวรัส Covid-19 โดย ฌอนแจกแจงรายละเอียดในช่วงการรับบริจาค ระหว่าง วันที่ 30 มีนาคม 2563 จนถึง 1 พฤษภาคม 2563 โดยมีผู้ร่วมบริจาคเป็นจำนวนเงิน 875,741.53 บาท และ “ฌอน” บอกว่าเอาไปทำอะไรบ้าง
เมื่อเคลียร์ขนาดนี้แล้ว ไลฟ์โค้ชคนดังคงคิดว่าเรื่องน่าจะจบ แต่ชาวโซเชียลฯ กลับเห็นว่า ยิ่งชี้แจงยิ่งฆ่าตัวตาย !!
งานนี้ใครจะไปคิดว่า จากโพสต์คลิปวิดีโอชมว่า “ลุงน่ารัก” วูบเดียว นอกจากตัวเองโดนเท แฟนเพจเลิกติดตามไปเป็นล้าน แถมตัว “ฌอน” อาจจะต้องซวย ถูกตรวจสอบกรณีเงินบริจาคอีก
นี่ต้องบอกว่า ตอนรับงานก็คงไม่คิดว่าผลลัพธ์ จะออกมาแบบนี้
ว่ากันว่า เบื้องหลังงานนี้ “แม่บิ๊กอาย” เป็นตัวตั้งตัวตี ให้ทีมติดต่อไลฟ์โค้ชคนดังขึ้นไปทำอีเวนต์เพื่อโปรโมตผลงาน “ลุงป้อม” โดยมองว่า “ฌอน” เป็นอินฟูเอนเซอร์มีชื่อ มีคนตามหลายล้าน น่าจะมีคนสนใจเยอะเหมือนจ้างดารามาช่วยประขาสัมพันธ์งานไม่ต่างกัน โดยมีค่าใช้จ่ายราว “3 แสนบาท” เป็นค่าดำเนินการ
หลังตกลงกัน ก็ให้ทีมงานฌอนสร้างสรรค์ว่ากันไป ตามปกติทั่วไปของการว่าจ้างอินฟูเอนเซอร์ หรือคนดังให้ช่วยโปรโมตงาน
ขณะที่ ทางฝั่งลุงก็ไม่แปลกที่ “ลุงป้อม” จะไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จัก “ฌอน” จำอะไรไม่ได้ ภายหลังที่เกิดดรามาแล้วมีคนไปถาม
แว่วว่า “แม่บิ๊กอาย” ที่ช่วงหลังแทบจะทิ้งงานการในหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาล แทนที่จะทำงานให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กลับมาเดินตามก้นแทบเป็นเงา มาเอาอกใจ “ลุงป้อม” ออกนอกหน้า
ฟังว่า วันที่ก๊กเหล่า พปชร. ส่งเทียบเชิญ “ลุงป้อม” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เสร็จแล้วก็ชักภาพหมู่ จับมือคล้องแขนกับทีม “วอนนาบี” ด้วยกันทั้งๆ ที่ตัวเองยังสวมเครื่องแบบข้าราชการ แบบเต็มยศ ไม่เกรงไม่หวั่นต่อคำครหาว่า เอาเวลาราชการมาร่วมกิจการเมืองเลยแม้แต่น้อย
เมื่อการว่าจ้าง “ฌอน” เป็นดรามาขึ้นมา ปัญหาเงินบริจาคก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่ไปที่มาของการที่ “ฌอน” รับจ้างตามที่ว่า มีค่าทำสื่อ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เผยแพร่ความรู้ และนำเสนอแนวทางผู้เชี่ยวชาญทางด้านนั้นๆ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ ยูทูป ฌอน บูรณะหิรัญ ตรงนี้น่าจะเป็นอีกส่วน ที่เป็นผลงานของ “แม่บิ๊กอาย” ที่น้อยคนจะรู้
“ฌอน” ถูกรุมถล่มต่อว่า และอาจจะงานเข้าอีก จากที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จี้กรมการปกครองเอาผิด “ฌอน” นำเงินบริจาคใช้ผิดวัตถุประสงค์ เข้าข่ายฉ้อโกงหรือไม่
ส่วน “แม่บิ๊กอาย” เพราะเพื่อเอาใจ “ลุงป้อม” ตอนนั้นเลยไม่คิดอะไรมาก ฌอนรับงานก็ไม่คิดอะไร แต่เมื่อเกิดเรื่องที่ชาวโซเชียลฯ เขาสงสัยปม และ ค่าทำสื่อโปรโมต แบบนี้ “แม่บิ๊กอาย” กลับจะทำใจจืดใจดำ ให้ “ฌอน” โดนมรสุมตกเป็นจำเลยของสังคมคนเดียวเชียวหรือ
ยิ่งงานนี้ว่าไปแล้วเป็นงานของรัฐบาล ยิ่งต้องทำให้เคลียร์
งานนี้ ก็ต้องวาน “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล มือเศรษฐกิจคนใหม่ พปชร. ออกมาเคลียร์ดรามาไขข้อสงสัยให้สังคมฟังหน่อยแล้ว.
เงินค่าจ้างฌอน 3 แสนจริงหรือไม่ และมาจากไหน ?!!