เอพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์ (1 มิ.ย.) เย้ยหยันผู้ว่าการรัฐหลายคนว่า “อ่อนแอ” และเรียกร้องให้ปราบปรามอย่างหนักหน่วง ต่อพวกประท้วงบางส่วนที่ก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์สินและปล้นสะดม หลังหลายสิบเมืองทั่วอเมริกาต้องเผชิญอีกหนึ่งค่ำคืนของการประท้วงรุนแรง
ทรัมป์พูดคุยกับผู้ว่าการรัฐต่างๆในการประชุมทางไกล ซึงมีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติเข้าร่วมด้วย โดยผู้นำสหรัฐฯใช้โอกาสนี้บอกกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ ว่า จำเป็นต้องหนักมือมากกว่าที่เป็นอยู่ “พวกคุณส่วนใหญ่อ่อนแอ” ทรัมป์กล่าว “คุณจำเป็นต้องจับกุมผู้คน”
การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ถูก ดีเร็ค โชวิน ตำรวจมินนีอาโปลิส เข้าจับกุมเขา โดยใช้เข่ากดคอเกือบ 9 นาที จนขาดอากาศหายใจ เมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.) ได้โหมกระพือการประท้วงต่อเนื่องมาหลายวัน และการชุมนุมได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรงในหลายเมือง ทั้งปล้นสะดมและความโกลาหล และมีการจุดไฟในอุทยานลาฟาแยตต์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามทำเนียบขาว
ประธานาธิบดีรายนี้เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐต่างๆ ประจำการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) ซึ่งเขายกความดีความชอบว่าช่วยทำให้สถานการณ์ในมินนีอาโปลิสสงบลงเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) และเขาต้องการให้ใช้มาตรการเข้มข้นแบบเดียวกันในเมืองต่างๆ ที่ประสบกับระลอกคลื่นแห่งความรุนแรง ในนั้นรวมถึงนิวยอร์ก, ฟิลาเดลเฟีย และ ลอสแองเจลิส
“คุณจำเป็นต้องจับกุม ไล่ล่าคน จำเป็นต้องนำตัวพวกเขาเหล่านั้นไปขังคุกเป็นเวลา 10 ปี แล้วคุณจะไม่เห็นอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก” ทรัมป์กล่าว “เรากำลังทำมันในวอชิงตัน ดี.ซี. เรากำลังทำในสิ่งที่ผู้คนไม่เคยเห็นมาก่อน”
ประธานาธิบดียังบอกกับเหล่าผู้ว่าการรัฐด้วยว่า พวกเขากำลังทำให้ตัวเองดูเป็นคนโง่ ต่อกรณีที่ไม่เรียกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเข้ามาเสริมเพิ่มเติม เพื่อโชว์สรรพกำลังบนท้องถนนสายต่างๆ ในตัวเมือง
ด้าน บิล บาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งร่วมประชุมทางไกลด้วย บอกกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ ว่า จะใช้หน่วยเฉพาะกิจต่อต้านก่อการร้ายชุดหนึ่งในการไล่ล่าพวกก่อจลาจลและเรียกร้องเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ยึดครองและควบคุมท้องถนนสายต่างๆ โดยมุ่งเน้นจัดการกับพวกก่อปัญหา ไมได้พุ่งเป้าเล่นงานประชาชนทั่วไปที่ชุมนุมอย่างสันติ
คำแนะนำด้วยความโกรธกริ้วของทรัมป์ที่มีต่อผู้ว่าการรัฐต่างๆ มีขึ้นหลังทั่วสหรัฐฯต้องเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงอีกหนึ่งคืน ภาพของเหตุไฟไหม้ ปล้นสะดม และการปะทะกับตำรวจ บดบังการชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสันติ ทั้งนี้ การชุมนุมยกระดับความร้อนแรงถึงขั้นเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) หน่วยสืบราชการลับต้องพาประธานาธิบดีไปหลบที่ห้องหลบภัยชั้นใต้ดินของทำเนียบขาว ซึ่งในอดีตเคยใช้สำหรับกรณีเกิดเหตุโจมตีก่อการร้าย