เอพี - หน่วยสืบราชการลับต้องรุดพาตัวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงไปยังห้องหลบภัยใต้ดินของทำเนียบขาว เมื่อคืนวันศุกร์ (29 พ.ค.) หลังพวกผู้ประท้วงหลายร้อยคนรวมตัวกันด้านนอกทำเนียบขาว บางส่วนขว้างปาก้อนหินและพยายามยื้อยุดแนวกั้นของตำรวจ จากการเปิดเผยของสื่อมวลชนในวันจันทร์ (1 มิ.ย.)
สำนักข่าวเอพีอ้างแหล่งข่าวรีพับลิกัน ซึ่งมีความใกล้ชิดทำเนียบขาว เปิดเผยโดยไม่ประสงค์เอ่ยนาม ว่า ทรัมป์ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงในห้องหลบภัยใต้ดินดังกล่าว ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ อย่างเช่น เหตุโจมตีก่อการร้าย โดยข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของรัฐบาลซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเช่นกัน
การตัดสินใจอย่างฉับพลันของหน่วยสืบราชการลับในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงบรรยากาศแห่งความสั่นกลัวภายในทำเนียบขาว ท่ามกลางเสียงตะโกนร้องของพวกผู้ประท้วงในสวนสาธารณะลาฟาแยต ที่ดังกึกก้องตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในขณะที่หน่วยสืบราชการลับและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายประสบปัญหาในความพยายามควบคุมฝูงชน
เหตุประท้วงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุจลาจลใหญ่ทั่วอเมริกา ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ที่ถูก ดีเร็ค โชวิน ตำรวจมินนีอาโปลิส เข้าจับกุมเขา ใช้เข่ากดคอเกือบ 9 นาที จนขาดอากาศหายใจ เมื่อวันจันทร์ (25 พ.ค.) ที่แล้ว และกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่รื้อฟื้นและโหมกระพือความคลั่งแค้นในเรื่องที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับคนอเมริกันผิวสีที่ไม่มีอาวุธครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งนี้ การประท้วงที่เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรงในวอชิงตันดูเหมือนจะสร้างความประหลาดใจแก่พวกเจ้าหน้าที่ไม่น้อย โดยถึงขั้นต้องยกระดับการเตือนภัยปกป้องบริเวณทำเนียบขาวสูงที่สุดหนหนึ่งนับตั้งแต่เหตุวินาศกรรมก่อการร้ายโจมตีสหรัฐฯ 11 กันยายน 2001
จัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาวบอกว่า “ทำเนียบขาวไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระเบียบการและการตัดสินใจด้านความปลอดภัย” ส่วนหน่วยสืบราชการลับบอกว่าไม่ขอพูดถึงยุทธวิถีในปฏิบัติการปกป้องทำเนียบขาว
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเป็นสื่อมวลชนแห่งแรกที่รายงานข่าวกรณีประธานาธิบดีถูกพาตัวไปหลบยังห้องหลบภัยใต้ดินของทำเนียบขาว ก่อนที่สำนักข่าวอื่นๆ จะรายงานเช่นกัน
แหล่งข่าวรีพับลิกันบอกว่า ประธานาธิบดีและครอบครัวของเขารู้สึกหวั่นไหวกับจำนวนและความเคียดแค้นของผู้ประท้วง อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า เมลาเนีย ทรัมป์ และ บาร์รอน ลูกชายวัย 14 ปี เข้าไปหลบในห้องหลบภัยร่วมกับทรัมป์หรือไม่ แต่ระเบียบการของหน่วยสืบราชการลับจะร้องขอให้ทุกคนที่อยู่ภ่ยใต้การอารักขาของหน่วยงานเข้าไปหลบในห้องหลบภัยใต้ดิน
ทรัมป์บอกกับคณะที่ปรึกษาว่าเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ในขณะที่ได้ยกย่องการทำงานของหน่วยสืบราชการลับทั้งแบบเป็นส่วนตัวและต่อหน้าสาธารณะ
ประธานาธิบดี ทรัมป์ เดินทางไปฟลอริดาในวันเสาร์ (30 พ.ค.) เพื่อชมการปล่อยกระสวยอากาศบรรทุกมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษของสหรัฐฯ จากนั้นเขากลับสู่ทำเนียบขาวซึ่งเสมือนหนึ่งถูกปิดล้อม ขณะที่พวกผู้ประท้วง ซึ่งบางส่วนใช้ความรุนแรง รวมตัวกันเกือบตลอดทั้งคืน อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร
พวกผู้ประท้วงกลับมาอีกครั้งในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) และเผชิญหน้ากับตำรวจที่บริเวณสวนสาธารณะลาฟาแยต จนล่วงเลยเข้าสู่ช่วงค่ำ
ทรัมป์ยังคงพยายามฉายให้เห็นถึงความเข้มแข็งของตนเอง เขียนข้อความแสดงอารมณ์เดือดดาล และกล่าวโจมตีพวกผู้ประท้วงระหว่างวิกฤตระดับชาติครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุจลาจลคืนแล้วคืนเล่า และภาพข่าวความรุนแรงกลายเป็นเรื่องหลักที่สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ รายงาน คณะที่ปรึกษาของทรัมป์จึงพูดคุยกันถึงความเป็นที่ได้ที่จะมีคำแถลงจากห้องทำงานรูปไข่เพื่อบรรเทาสถานการณ์ความตึงเครียด
กระนั้นความคิดดังกล่าวต้องถูกละทิ้งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีข้อเสนอที่เป็นรูปเป็นร่าง และดูเหมือนตัวของประธานาธิบดีเองก็ไม่สนใจที่จะส่งสารแห่งความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งเดียวกันใดๆ
ทรัมป์ ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะในวันอาทิตย์ (31 พ.ค.) แต่ในวันเสาร์ (30 พ.ค.) ทรัมป์ รีทวีตข้อความหนึ่งจากผุ้สันทัดกรณีหัวอนุรักษนิยมรายหนึ่ง ซึ่งสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังตอบโต้ผู้ชุมนุม “เรื่องนี้จะไม่ยุติจนกว่าพวกคนดีที่ความตั้งใจใช้กำลังที่เหนือกว่าเล่นงานคนเลว” บัค เซ็กซ์ตัน เขียน
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เขียนข้อความบนทวิตเตอร์ซึ่งโหมกระพือข้อถกเถียงและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยพาดพิงการประท้วงว่า “เมื่อการปล้นสะดมเริ่มขึ้น การยิงก็เริ่มขึ้น”