เอพี/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ในสิ่งที่เขาระบุว่า เป็น “การลงมือดำเนินการอันสำคัญ” เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่สหรัฐฯมีอยู่กับฮ่องกง อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ยังคงดูมีลักษณะเป็นเพียงคำเตือนเท่านั้น อย่างน้อยที่สุดก็จนถึงขณะนี้
ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะสั่งการคณะบริหารของเขาให้เริ่มต้นยกเลิกนโยบายต่างๆ ซึ่งทำให้ดินแดนกึ่งปกครองตนเองของจีนแห่งนี้มีความสัมพันธ์ทางการค้าและทางกฎหมายกับสหรัฐอเมริกาอย่างพิเศษ แตกต่างออกไปจากส่วนอื่นๆ ของแดนมังกร แต่ก็ไม่ได้กำหนดวันเวลาว่าจะทำกันเมื่อใด นอกจากนั้น ยังคงระบุว่า จะมี “ข้อยกเว้นบางประการ” ทว่า ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ เลยในการแถลงของเขาคราวนี้ ดังนั้นขณะที่มีความตึงเครียดในระดับสูง แต่ก็ดูเหมือนยังคงรักษาสถานะเดิมกันเอาไว้
ต่อไปนี้ ขอให้เราสำรวจดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง:
ทรัมป์ประกาศอะไรแน่ๆ?
ระหว่างการปรากฏตัวแถลงข่าวช่วงสั้นๆ ที่สวนกุหลาบของทำเนียบขาวคราวนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศก้าวเดินของสหรัฐฯชุดหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาหลายๆ อย่างปนเปกันอยู่ เป็นต้นว่า การถอนความสนับสนุนทางการเงินที่สหรัฐฯให้แก่องค์การอนามัยโลก เพื่อประท้วงสิ่งที่เขากล่าวหาว่าเป็นความบกพร่องผิดพลาดในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตลอดจนการระงับวีซ่าที่ออกให้นักศึกษาจีนระดับหลังปริญญาตรีบางคน ซึ่งต้องสงสัยว่ากำลังรวบรวมงานวิจัยต่างๆ ให้แก่ฝ่ายทหารของแดนมังกร
เขาบอกด้วยว่า เขาจะสั่งการคณะบริหารของเขาให้ “เริ่มต้นกระบวนการในการยกเลิกข้อยกเว้นทางนโยบายต่างๆ ที่ให้แก่ฮ่องกง ซึ่งทำให้เกิดการปฏิบัติที่แตกต่างและเป็นพิเศษ” ในความสัมพันธ์ซึ่งดินแดนแห่งนี้มีอยู่กับสหรัฐฯ ทรัมป์ระบุว่า เรื่องนี้จะ “ส่งผลถึงข้อตกลงทั้งหลายทั้งปวง” ระหว่างสหรัฐฯกับฮ่องกง โดยที่ทรัมป์ระบุอย่างเจาะจงชัดเจนเฉพาะสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งอเมริกาทำไว้กับฮ่องกงตั้งแต่ช่วงที่ดินแดนนี้ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยี พร้อมกันนั้นก็พูดด้วยว่า จะมี “ข้อยกเว้นบางอย่าง”
ทำไมเรื่องเช่นนี้จึงเกิดขึ้นในตอนนี้
ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง โดยที่แสดงทัศนะในทางเป็นปรปักษ์กับจีน และพูดย้ำบ่อยๆ ว่า ต้องการยกเครื่องนโยบายด้านการค้าของสหรัฐฯซึ่งเขาเชื่อว่ากำลังสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจอเมริกัน ท่าทีเช่นนี้ได้ผ่อนคลายได้บ้างเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาตอนเขาลงนามในข้อตกลงการค้าฉบับหนึ่งกับจีน แต่เมื่อเกิดโรคจากไวรัสโคโรนาระบาดในเมืองอู่ฮั่น และทรัมป์แสดงความสงสัยข้องใจว่ารัฐบาลจีนปิดบังระดับความร้ายแรงของสถานการณ์ เหล่านี้ก็กลายเป็นการเพิ่มความผันผวนให้แก่ความตึงเครียดที่ดำรงอยู่มานานแล้วระหว่างประเทศทั้งสองในประเด็นปัญหาหลายๆ ประเด็น รวมทั้งเรื่องที่สหรัฐกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน และเรื่องสถานะของฮ่องกง
พวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลและสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯต่างแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในฮ่องกง รวมทั้งมีการแสดงการประท้วงอย่างกว้างขวางจากความเคลื่อนไหวต่างๆ ของจีนเพื่อเข้าควบคุมดินแดนดังกล่าวของตนให้แน่นหนายิ่งขึ้น ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงระหว่างจีนกับอังกฤษ ระบุว่า ฮ่องกงจะมีอำนาจปกครองตนเองในระดับสูงจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในปักกิ่งเป็นระยะเวลา 50 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 1997
คณะบริหารทรัมป์อ้างว่า ข้อตกลงดังกล่าวได้ถูกบ่อนทำลายจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ซึ่งรัฐบาลจีนกำลังผลักดันให้ออกมาบังคับใช้ เพื่อกำจัดเสรีภาพทางการเมืองอันจำกัดที่ประชาชนของฮ่องกงเคยมีอยู่ “ฮ่องกงไม่ได้มีสิทธิปกครองตนเองอย่างเพียงพอจนสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างพิเศษเฉกเช่นที่เราได้ให้แก่ดินแดนนี้นับตั้งแต่การส่งมอบ (จากอังกฤษมาให้แก่จีนเมื่อปี 1997)” ทรัมป์กล่าวในวันศุกร์ (29)
สิทธิพิเศษทางเศรษฐกิจอะไรบ้างที่ฮ่องกงได้รับจากสหรัฐฯ?
กฎหมายของอเมริกันกำหนดให้สหรัฐฯปฏิบัติต่อฮ่องกงในลักษณะแยกต่างหากจากส่วนอื่นๆ ของจีนในทางการเมืองและทางเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน ตราบเท่าที่ฮ่องกงยังคง “มีอำนาจปกครองตนเองอย่างเพียงพอ” ผลที่เกิดจากการนี้ก็คือ สหรัฐฯมีข้อตกลงทวิภาคีกับฮ่องกงทั้งในทางการค้า, การลงทุน และการบังคับใช้กฎหมาย
ฮ่องกงได้รับการยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษีศุลกากรซึ่งสหรัฐฯใช้กับสินค้าจากแผ่นดินใหญ่ โดยที่สหรัฐฯก็มีปริมาณการได้เปรียบดุลการค้าดินแดนแห่งนี้อย่างมหึมา ขณะเดียวกัน บริษัทอเมริกันหลายร้อยแห่งตั้งสำนักงานขึ้นที่นี่ และมีพลเมืองอเมริกันราว 85,000 คนพำนักอาศัยในฮ่องกง ปีที่แล้วรัฐสภาสหรัฐฯซึ่งมีเสียงสนับสนุนอย่างแข็งแรงจากทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตให้ดำเนินการลงโทษจีนด้วยข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ได้ผ่านกฎหมายที่กำหนดให้คณะบริหารต้องดำเนินการลงโทษพวกเจ้าหน้าที่จีนซึ่งเกี่ยวข้องกับการปราบปรามในฮ่องกง
จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ?
ยังไม่เป็นที่ชัดเจน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ได้แจ้งรัฐสภาสหรัฐฯทราบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะบริหารไม่ได้ถือว่าฮ่ององกมีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกต่อไป นี่คือการจัดตั้งเวทีสำหรับสหรัฐฯเพิกถอนฐานะที่ได้รับการอนุเคราะห์เป็นพิเศษทางการค้าและทางการลงทุนซึ่งให้แก่ฮ่องกง โดยเพียงแต่ต้องหารือกับรัฐสภา อย่างไรก็ดี การที่จะแจ้งให้จีนทราบว่าสิทธิพิเศษต่างๆ ของฮ่องกงจะถูกตัดนั้นคาดหมายกันว่าคงจะเป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวพอดู
ทรัมป์แถลงว่า เขาได้สั่งการคณะบริหารของเขาให้ “เริ่มต้น” กระบวนการของการยกเลิกบรรดาข้อยกเว้นต่างๆ ที่ให้ประโยชน์แก่ฮ่องกง ทว่า เขาไม่ได้ระบุว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด นอกจากนั้น ยังต้องขึ้นอยู่กับ “ข้อยกเว้นบางอย่าง” ซึ่งเขาระบุเอาไว้ในวันศุกร์ (29) เขากล่าวยืนยันว่าคณะบริหารของเขาจะลงโทษพวกเจ้าหน้าที่จีนซึ่งเกี่ยวข้องกับการปราบปรามในฮ่องกง ซึ่งอันที่จริงเป็นสิ่งที่รัฐสภาสหรัฐฯกำหนดให้คณะบริหารต้องทำอยู่แล้ว --และนี่ดูเหมือนน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่อไป