เอเอฟพี - รัฐเทกซัสในวันศุกร์ (1 พ.ค.) กลายเป็นรัฐใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯที่เริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทุบสถิติสูงสุดในวันเดียว ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นหนึ่งวันหลังเกิดการประท้วงต่อต้านมาตรการปิดเมืองในรัฐต่างๆ ในนั้นรวมถึงที่มิชิแกน ซึ่งบรรดาผู้ชุมนุม บางคนมาพร้อมอาวุธปืนยาว บุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาของรัฐ จนสมาชิกสภาบางส่วนต้องหาเสื้อเกราะกันกระสุนมาสวมใหญ่กันจ้าละหวั่น
ในรัฐเทกซัส ร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, ห้างสรรพสินค้า, พิพิธภัณฑ์และหอสมุดจะได้รับอนุญาตให้กับมาเปิดทำการอีกครั้ง แต่เป็นไปในลักษณะจำกัดจำนวนไม่เกิน 25% ของความจุ นอกจากนี้แล้ว รัฐแห่งนี้ยังอนุญาตให้เล่นกีฬากลางแจ้งต่างๆ ได้ ทว่าต้องมีผู้เล่นเข้าร่วมได้ครั้งละไม่เกิน 4 คน
อย่างไรก็ตาม เกรก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐส่งเสียงเน้นว่าการกลับมาเปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง “ชาวเทกซัสควรใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข” เขากล่าว “แม้ไม่บังคับสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า แต่เราสนับสนุนให้สวมหน้ากากเพื่อปกป้องชีวิตกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง”
สระว่ายน้ำสาธารณะ, บาร์, โรงยิมออกกำลังหาย, ร้านเสริมสวย, ร้านนวด, ลานโบว์ลิง, ร้านวิดีโอเกมส์และร้านสักต่างๆ ยังต้องปิดบริการต่อไป
ความเคลื่อนไหวของรัฐเทกซัส มีขึ้นแม้ว่ารัฐแห่งนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 28,000 คน และเสียชีวิต 782 คน ในนั้น 50 คนเสียชีวิตในวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) ถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางเดือนมีนาคม ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ 1,000 คน สูงสุดวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน
ด้วยที่สหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 1.1 ล้านคน และเสียชีวิตราว 63,000 คน พวกเขาจึงเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก
แม้ล่าสุดจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงในบางรัฐที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดอย่างเช่น นิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์, ลุยเซียนา และฟลอริดา แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วประเทศยังคงทรงตัวอยู่ที่ราวๆ 25,000 คน ถึง 30,000 คน แถมในวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) ทั่วสหรัฐฯยังพบผู้เสียชีวิตเกิน 2,000 คนเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
ในขณะที่เทกซัส เริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์ตามรอยหลายรัฐที่เริ่มดำเนินการไปก่อนหน้านี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีอีกหลายรัฐที่ยังคงคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน และข้อจำกัดเหล่านี้ได้โหมกระพือการประท้วงประปราย โดยเฉพาะในมิชิแกน ซึ่งพบเห็นพวกผู้ประท้วงพากันบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.)
พวกผู้ประท้วง ในนั้นถืออาวุธปืน บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาของรัฐมิชิแกน และเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์อันเข้มงวด จนทำให้สมาชิกรัฐสภาบางส่วนต้องรีบหาเสื้อกันกระสุนมาใส่
พวกผู้ประท้วงนับร้อยคนแออัดอยู่บริเวณห้องโถงของอาคาร เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปภายในห้องประชุมสภา แต่ถูกตำรวจของรัฐเข้ามาขัดขวาง ทั้งนี้ มีรายงานว่า พวกผู้ชุมนุมไม่มีใครสวมหน้ากากเลย ผิดกับตำรวจที่สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอย่างดี
ส.ว.เดย์นา โพลฮันกี ทวีตว่า มีผู้ชายหลายคนพร้อมปืนไรเฟิลร้องตะโกนใส่พวกเธอ พร้อมกับลงภาพของชาย 4 คน ซึ่งอย่างน้อย 1 คน ถืออาวุธปืน เพื่อนสมาชิกบางคนที่มีเสื้อกั๊กกันกระสุนก็เอาออกมาใส่
บริเวณด้านนอกรัฐสภา ผู้ชุมนุมหลายคนชูป้ายข้อความต่อต้านการล็อกดาวน์ และวาดภาพ เกรตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐ เป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ขณะที่แกนนำซึ่งขึ้นปราศรัยได้ตั้งคำถามถึงการตายเพราะโรคนี้ และอ้างว่าคำสั่งของวิตเมอร์ละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องให้ผู้คนในรัฐนี้เริ่มเปิดธุรกิจในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยไม่ต้องสนใจคำสั่งของผู้ว่าการรัฐหญิงคนนี้
"เราไม่เห็นด้วยและไม่ยินยอมที่สิทธิตั้งแต่เกิดของเราถูกจำกัดหรือเพิกถอนไปไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม ในนั้นรวมถึงโรคระบาดใหญ่โควิด-19” กลุ่มผู้ประท้วงระบุผ่านเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งมีสมาชิกอยู่มากกว่า 8,800 คน “เราเชื่อว่าชาวอเมริกันทุกคนและชาวมิชิแกนทุกคนมีสิทธิในการทำงานเพื่อสนับสนุนครอบครัวของเรา มีสิทธิในการเดินทางอย่างเสรี รวมตัวกันเพื่อแสวงบุญทางศาสนาหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ หรือเพื่อประท้วงรัฐบาลของเรา”
การประท้วงมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากศาลแห่งหนึ่งในมิชิแกน พิพากษาว่า คำสั่งอยู่แต่ในบ้านที่ออกประกาศโดยผู้ว่าการรัฐวิตเมอร์เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ไม่ได้ละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของพลเรือน
ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนที่พวกผู้ชุมนุมออกมาประท้วงเรียกร้องให้ วิตเมอร์ ผ่อนคลายล็อกดาวน์ในรัฐ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 3,500 คน โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 เมษายน ผู้ประท้วงราว 3,000 คน บางส่วนติดอาวุธ ขับรถมารวมตัวกันที่เมืองแลนซิง เมืองเอกของรัฐนี้ ใน “ปฏิบัติการรถติด” รอบๆ อาคารรัฐสภา
หนึ่งวันถัดมาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตให้ท้ายว่า “ปลดปล่อยมิชิแกน” และกระตุ้นให้คนอเมริกันอีกหลายรัฐออกมาชุมนุมประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐต่างๆ
อย่างไรก็ตาม วิตเมอร์ ซึ่งมีชื่อปรากฏในฐานะตัวเต็งที่อาจถูกเสนอชื่อเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีของ โจ ไบเดน ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี เมินการประท้วง โดยบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า “โอเค ถ้าจะโกรธก็ไม่เป็นไร”
“อย่างที่ฉันเคยบอกก่อนหน้านี้และฉันจะบอกอีกครั้งว่า มิชิแกนเป็นสถานที่ที่พิเศษสำหรับการใช้ชีวิต เพราะว่าคนมากมายเรียกที่นี่ว่าบ้าน ชาวมิชิแกนหลายล้านคนร่วมมือกันในความพยายามชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทุกๆ วัน เรากำลังก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน” เธอทวีตในวันพฤหัสบดี (30 เม.ย.) โดยไม่ได้พาดพิงถึงการประท้วงโดยตรง