เอเจนซีส์ - ผู้ป่วยติดเชื้อรวมทั่วโลกวันพฤหัสบดี (16 เม.ย) 2,072,228 คน เสียชีวิตรวม 137,666 คน ขณะที่เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.) ประชาชนในสหรัฐฯรวมตัวเดินขบวนต่อต้านมาตรการจำกัดให้อยู่แต่ในบ้าน พบประชาชนรัฐมิชิแกนถือไรเฟิลประท้วงคำสั่ง ส่วนเกาหลีใต้สุดมึน พบผู้ป่วยเดิมที่หายดีไม่ต่ำกว่า 141 คน กลับมาติดเชื้อไวรัสรอบใหม่
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (16 เม.ย.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีจำนวน 2,072,228 คน เสียชีวิตรวม 137,666 คน โดยประเทศที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ สหรัฐฯ 30,985 คน อิตาลี 21,645 คน สเปน 18,812 คน ฝรั่งเศส 17,167 คน อังกฤษ 12,862 คน ส่วนอิหร่าน 4,777 คน
และในวันพฤหัสบดี (16) พบว่า สหรัฐฯยังคงเป็นแชมป์การติดเชื้อสูงสุดในโลกที่ 639,664 คน สเปนติดเชื้อรวมล่าสุด 180,659 คน อิตาลี 165,155 คน เยอรมัน 134,753 คน ฝรั่งเศส 134,582 คน อังกฤษ 99,516 คน อิหร่าน 76,389 คน
หลังจากที่สหรัฐฯได้ออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในที่พัก และห้ามรวมตัวในที่สาธารณะ รวมไปถึงปิดร้านในส่วนที่ไม่สำคัญ แต่กลับพบจำนวนผู้เสียชีวิตไต่ระดับขึ้นเป็นรายวัน โดยในวันพุธ (15) สหรัฐฯเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่เพิ่ม 2,371 คน ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิตในอเมริการวมกว่า 30,000 คนในเวลานี้
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (15) ประชาชนหลายร้อยคนกระจายในเมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐฯออกมาประท้วงแสดงความไม่พอใจที่ต้องถูกสั่งให้ขังตัวอยู่แต่ในบ้าน ส่วนเจ้าของธุรกิจแสดงความไม่พอใจที่ไม่สามารถเปิดร้านได้
หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์ของออสเตรเลีย รายงานวันนี้ (16) ว่า ประชาชนชาวสหรัฐฯจำนวนมากไม่พอใจที่เห็นมาตรการสั่งให้อยู่แต่ในที่บ้านกำลังกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐฯจะออกมารายงานถึงตัวเลขชาวสหรัฐฯจำนวน 5.5 ล้านคน ได้ยื่นเรื่องขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่ผ่านมา
สกายนิวส์ สื่ออังกฤษ รายงานว่า มีผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคน ที่มีบางส่วนถืออาวุธปืนไรเฟิลและปืนพกอย่างเปิดเผยเข้าร่วมการประท้วงในวันพุธ (15) แสดงความไม่พอใจต่อมาตรการ ซึ่ง CNN ชี้ว่า พบว่ามีนักขับบางส่วนเข้าร่วมการประท้วงด้วยการขวางการจราจรในเมืองเอกประจำรัฐ
รัฐมิชิแกนเป็นอีกรัฐในสหรัฐฯที่ออกคำสั่งให้ประชาชนกักตัวแต่อยู่ในบ้านเพื่อป้องกันการระบาดโรคโควิด-19
สกายนิวส์กล่าวว่า ผู้จัดงานได้ขอร้องให้ประชาชนอยู่แต่ในรถของตัวเอง เพื่อทำให้ระบบการจราจรเกิดปัญหา แต่กลับพบมีผู้ประท้วงจำนวนมากไม่สนใจ และออกเดินเท้ามุ่งหน้าไปที่เมืองลานซิง (Lansing) เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อมาตรการที่ได้ถูกขยายให้ใช้ยาวไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย นี้
โดยป้ายข้อความของชาวรัฐมิชิแกนรวมถึง “พวกเราไม่ใช่นักโทษ” และ “ชาวมิชิแกนต่อต้านการกดขี่ของเกรตเชน (ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เกรตเชน วิธเมอร์ (Gretchen Whitmer))”
ทอม ฮิวจ์ (Tom Hughey) หนึ่งในผู้ประท้วงได้แสดงความเห็นกับสื่อท้องถิ่น WILX. ว่า “ผมมีธุรกิจเล็กๆ และผู้ว่าการรัฐสั่งให้ผมต้องปิด” และเสริมต่อว่า “ผมทำงานที่บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ และมันถูกปิด ผมรับรู้ถึงความสำคัญของไวรัสนี้มีมากเพียงใด แต่พวกเรากำลังมาถึงจุดที่พวกเราถูกสั่งปิดมากจนเกิน”
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า เกรตเชนได้สั่งขยายมาตรการอยู่แต่ในบ้านไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน พร้อมกับออกคำสั่งห้ามอื่นๆ เพิ่มเติม รวมไปถึงสั่งห้ามประชาชนเดินทางไปที่บ้านของบุคคลอื่นเว้นแต่เพื่อการไปเยี่ยมหรือดูแลญาติ หรือนำเด็กๆ ไปที่ฝากเลี้ยง
อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ พบว่า รัฐมิชิแกนมีจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 28,000 ราย สูงเป็นอันดับ 4 ของสหรัฐฯ ส่วนผู้เสียชีวิตในรัฐมีไม่ต่ำกว่า 1,900 ราย สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
และ โมนิกา มอนโซ ( Monica Monzo) กล่าวว่า เธอทำงานด้านดูแลสุขภาพ แต่เธอไม่เห็นด้วยกับมาตรการจำกัด โดยชี้ว่า มาตรการอยู่แต่ภายในที่พักสมควรถูกใช้แค่เฉพาะกับผู้ป่วยเท่านั้น
ส่วนที่รัฐเคนตักกีพบมีประชาชนราว 100 คน รวมตัวประท้วงมาตรการอยู่แต่ที่พักด้วยการตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงแสดงความไม่เห็นด้วย บีบแตรรถส่งสัญญาณต่อต้าน เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี แอนดี เบเชียร์ (Andy Beshear) เปิดรัฐ เกิดขึ้นระหว่างผู้ว่าการรัฐกำลังแถลงรายงานสรุปเกี่ยวกับโรคโควิด-19
ซึ่งในเวลานี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในรัฐเคนตักกีที่ 122 คน ติดเชื้อ 2,291 คน
ผู้ประท้วงที่มีบางส่วนยืนอยู่ใกล้กันมากเกินไปตะโกนว่า “เราต้องการทำงาน” และข้อเท็จจริงเหนือความกลัว
และเมื่อวันจันทร์ (13) ที่รัฐโอไฮโอ มีผู้ประท้วงราว 100 คน อยู่ด้านนอกรัฐสภาท้องถิ่นประจำรัฐระหว่างที่ผู้ว่าการรัฐ ไมค์ ดีไวน์ (Mike Dewine) ปรากฏตัวอยู่ด้านใน เรียกร้องให้เขากำหนดระยะเวลาเฟสแรกของการเปิดธุรกิจ โรงเรียน และสถานที่สาธารณะภายในรัฐ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการประท้วงแสดงความไม่พอใจในรัฐยูทาห์เช่นกัน หนังสือพิมพ์ออสเตรเลียรายงาน
ขณะเดียวกัน ที่โซลพบปัญหาใหญ่ ศูนย์ควบคุมโรคและการป้องกันของเกาหลีใต้ KCDC แถลงวันพฤหัสบดี (16) ว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 141 คน ที่ดูเหมือนว่าหายดีแต่ในภายหลังกลับพบว่ามีผลการติดเชื้อเป็นบวก
ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ KCDC ควอน จุน วุค (Kwon Joon-wook) แถลงว่า ในเวลานี้ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่ผู้ป่วยเหล่านี้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง และทางศูนย์กำลังหาสาเหตุ และเสริมว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังศึกษาตัวอย่างที่ถูกเตรียมมาอย่างดีจากผู้ป่วยเพื่อประเมินว่าเคสเช่นนี้จะระบาดหรือไม่
การศึกษาจะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์นับจากวันนี้ ควอนแถลง
ทั้งนี้ เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 10,613 คน เสียชีวิต 229 คน