เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” เดินหน้าเตรียมเผยแผนรีสตาร์ทเศรษฐกิจ อ้างอเมริกาผ่านจุดสูงสุดของการระบาดมาแล้ว แม้ยอดผู้เสียชีวิตที่รายงานเมื่อวันพุธ (15 เม.ย.) ยังเพิ่มขึ้นเกือบ 2,600 คน ขณะที่ทางฟากยุโรป หลายชาติก็เคลื่อนไหวในการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทว่าด้วยท่าทีระมัดระวังมากกว่า แต่ยังมีหลายประเทศอย่างอังกฤษ และ ญี่ปุ่น มีแนวโน้มต้องต่อเวลา แถมต้องยกระดับมาตรการรับมือไวรัสโควิด-19
ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกนับจนถึงวันพุธ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ราว 133,000 คน เฉพาะอเมริกามีผู้เสียชีวิตในวันดังกล่าวเพิ่มขึ้นเกือบ 2,600 คน เป็นกว่า 30,000 คน หรือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวภายในสัปดาห์เดียว และทำสถิติยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดติดต่อกันเป็นวันที่ 2
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นวันละประมาณ 25,000 คน เทียบกับ 35,000 คนในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด
จากข้อมูลดังกล่าว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อวดอ้างกับผู้สื่อข่าวว่า ยุทธศาสตร์เชิงรุกของตนได้ผล และข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า อเมริกาผ่านจุดสูงสุดแล้วในแง่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่
ผู้นำสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่า จะเปิดเผยแนวทางเร่งด่วนเพื่อเดินเครื่องเศรษฐกิจอีกครั้งในวันพฤหัสฯ (16) โดยรัฐที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดไม่มากนักอาจเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้ก่อนวันที่ 1 เดือนหน้า
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังตั้งกลุ่มที่ปรึกษาเพื่อวางแนวทางในการรีสตาร์ทประเทศ โดยมีรายงานว่า เจฟฟ์ เบซอส ประธานบริหารแอมะซอน และ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเฟซบุ๊ก ได้รับเชิญร่วมประชุมที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ
ทางด้านสำนักข่าวเอพี ระบุว่า เบื้องหลังความพยายามของทรัมป์ในการเร่งเปิดเศรษฐกิจสหรัฐฯขึ้นมาใหม่ ระหว่างที่โรคระบาดยังอาละวาดอยู่ คือ พวกพันธมิตรภายในพรรครีพับลิกันของทรัมป์นั่นเอง โดยกำลังมีการรวมตัวกันในระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ภาคธุรกิจที่มีเงินทองมหาศาล, พวกอนุรักษนิยมสายเชิดชูเสรีภาพทางศาสนา และพวกนักเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีรัฐบาลขนาดเล็กที่สุด ผู้คนเหล่านี้บางรายสามารถต่อโทรศัพท์คุยกับทรัมป์โดยตรง
เวลาเดียวกัน ในหมู่ประชาชนทั่วไปในสหรัฐฯ ก็กำลังเกิดกระแสประท้วงปะทุขึ้นมาเรียกร้องให้ยุติการล็อกดาวน์ เป็นต้นว่า เมื่อวันพุธ มีพวกคนขับรถและผู้คนบางส่วนซึ่งถือมือไรเฟิล ได้ออกมาประท้วงที่สภาของรัฐมิชิแกน หลังจากผู้ว่าการ เกรตเชน วิตเมอร์ ของรัฐนี้ ตัดสินใจเพิ่มความเข้มงวดในคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน แทนที่จะผ่อนคลายลงตามข้อเรียกร้องของพวกเขา
ไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐฯเท่านั้น เวลานี้ผู้นำทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศซึ่งทำท่าจะควบคุมการระบาดได้ระดับหนึ่งแล้ว ต่างกำลังครุ่นคิดหนักหาวิธีนำประเทศกลับสู่สถานการณ์ปกติและเริ่มเดินเครื่องเศรษฐกิจที่เสียหายรุนแรงอีกครั้งโดยไม่เสี่ยงเปิดโอกาสให้ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดระลอกสอง
ทางด้านองค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนว่า โลกมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ พร้อมแนะนำประเทศต่างๆ ที่ผ่อนคลายมาตรการสกัดไวรัสให้รออย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลกระทบ ก่อนผ่อนคลายมาตรการรอบต่อไป
ที่ยุโรป นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคล เรียกร้องให้พลเมืองเยอรมนีใช้ความระมัดระวังอย่างมาก พร้อมประกาศขั้นตอนเริ่มต้นในการอนุญาตให้ร้านค้าบางประเภทเปิดทำการอีกครั้ง และเปิดโรงเรียนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สเปนและอิตาลีที่มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 40,000 คน เริ่มอนุญาตให้ธุรกิจบางอย่างที่ไม่จำเป็นเปิดดำเนินการอีกครั้งตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยจากมาตรการล็อกดาวน์
เดนมาร์กเริ่มเปิดโรงเรียนเด็กเล็กหลังปิดยาวมาหนึ่งเดือนเต็ม และฟินแลนด์ยกเลิกการล็อกดาวน์กรุงเฮลซิงกิ
ลิทัวเนียอนุญาตให้ร้านค้าขนาดเล็กเปิดทำการตั้งแต่วันพฤหัสฯ ส่วนอิหร่านเตรียมประกาศให้ธุรกิจขนาดเล็กเดินเครื่องอีกครั้งเร็วๆนี้
นิวซีแลนด์อาจประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น เตือนว่า คงอีกนานกว่าที่สถานการณ์จะกลับสู่ปกติ
แต่สำหรับอังกฤษที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกือบ 13,000 คน คาดว่า จะมีการประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ในวันพฤหัสฯ และเบลเยียมขอให้ประชาชนงดออกจากบ้านจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม
ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีแนวโน้มว่า นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่ถูกวิจารณ์ว่า รับมือโควิดทั้งช้าและอ่อนเกินไปจนคะแนนนิยมทรุด อาจประกาศขยายคำสั่งดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมที่บังคับใช้เพียงโตเกียวและอีก 6 จังหวัด ครอบคลุมประชาชน 44% เป็นระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันที่ 8 ที่ผ่านมา
ด้วยยอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 9,000 คน และเสียชีวิตเกือบ 200 คนทั่วประเทศ คัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีสาธารณสุขญี่ปุ่น แสดงความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 2.2 เท่า ระหว่างวันที่ 7 ที่ผ่านมาจนถึงวันพุธ และยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น เนื่องจากปลายเดือนนี้จะเป็นเทศกาลวันหยุดที่ปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะออกเดินทางท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยังเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเปลี่ยนแผนการเยียวประชาชนจากที่ประกาศก่อนหน้านี้ ว่า จะแจกเงินครัวเรือนละ 300,000 เยน (2,784 ดอลลาร์) เป็นแจกให้ประชาชนทุกคนๆ ละ 100,000 เยน
อันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า วัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเท่านั้นที่จะทำให้โลกกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมตั้งความหวังว่า ปลายปีนี้อาจมีการคิดค้นวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำเร็จ
อย่างไรก็ดี มาร์ก ซัสแมน ประธานบริหารมูลนิธิบิลล์ แอนด์ เมลินดา เกตส์ ตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายดังกล่าวถือเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในแง่ศักยภาพการผลิตวัคซีนเพื่อฉีดให้กับประชากรโลกที่มีถึง 7,000 ล้านคน