เอเจนซีส์ - นานาชาติรุมจวก “ทรัมป์” กรณีระงับเงินอัดฉีด “องค์การอนามัยโลก” ด้วยข้อหาจัดการรับวิกฤตการณ์ไวรัสโคโรนาอย่างผิดพลาด ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องประชาชนงดออกจากบ้าน หลังมีรายงานว่า อาจมีคนตายถึง 400,000 คน หากปราศจากมาตรการเร่งด่วน
ขณะที่ทั่วโลกกำลังพยายามเอาชนะโรคระบาดจากไวรัส “โควิด-19” ซึ่งยังคงอาละวาดออกฤทธิ์ออกเดชอยู่ในเวลานี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่แสดงอาการเกรี้ยวกราดจากการที่ตนเองถูกวิจารณ์ว่ารับมืออย่างล่าช้า ทำให้สถานการณ์ในสหรัฐฯขยายตัวรุนแรง ได้ใช้โอกาสในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร (14 เม.ย.) โจมตี องค์การอนามัยโลก (ฮู) อย่างหนักหน่วง แถมประกาศสั่งระงับการให้เงินสมทบของสหรัฐฯแก่องค์กรชำนัญพิเศษของสหประชาชาติแห่งนี้ ที่มีมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลาที่วอชิงตันจะตรวจสอบบทบาทของฮู “ในการจัดการวิกฤตการณ์อย่างผิดพลาดร้ายแรง อีกทั้งปิดบังการระบาดของไวรัสโคโรนา”
ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวหาว่า ฮูเห็นแก่ “ความถูกต้องทางการเมืองมากกว่ามาตรการเพื่อรักษาชีวิต” ซึ่งหากฮูประเมินสถานการณ์ในจีนถูกต้องแล้ว จะสามารถควบคุมการระบาดได้ โดยมีคนตายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปัจจุบัน มีประชาชนเกือบ 2 ล้านคนทั่วโลก ติดเชื้อโควิด-19 และเสียชีวิตกว่า 124,000 คน นับจากที่ไวรัสนี้อุบัติขึ้นครั้งแรกที่จีนเมื่อปลายปีที่แล้ว
ในวันพุธ (15) เจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงตอบโต้ว่า สถานการณ์การระบาดทั่วโลกขณะนี้ยังเลวร้ายมาก การตัดสินใจของอเมริกาจึงเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายศักยภาพของฮู และความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
ด้าน บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ทวีตว่า การลดเงินอุดหนุนไอเอ็มเอฟอันตรายอย่างมาก
ส่วน อันโตนิโอ กูเตียเรส เลขาธิการสหประชาชาติ ขานรับว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่จะตัดทอนทรัพยากรที่จัดสรรให้ฮู แต่เป็นเวลาที่นานาชาติจะสามัคคีและร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งไวรัสร้ายและผลกระทบรุนแรงที่เกิดตามมา
นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวว่า เข้าใจคำวิจารณ์ของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ฮูเป็นองค์กรที่ดำเนินการภารกิจที่สำคัญมาก ซึ่งรวมถึงในเอเชีย-แปซิฟิก และออสเตรเลียร่วมงานกับองค์กรแห่งนี้อย่างใกล้ชิด และจะไม่มัวไปจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนสูญเสียสิ่งที่สำคัญกว่าไป แม้ฮูจะมีข้อผิดพลาดให้ตำหนิได้ก็ตาม
การโจมตีฮูของทรัมป์เกิดขึ้นขณะที่อเมริกามีผู้เสียชีวิตในรอบวันสูงทำลายสถิติอีกครั้ง นั่นคือ ที่ 2,228 คน ในวันอังคาร กระนั้น ทรัมป์ ยังยืนยันว่า จะเดินเครื่องเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่โดยเร็วที่สุด โดยจะเริ่มจากพื้นที่ที่มีการระบาดน้อยก่อน
ทว่า นพ.แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคติดต่อของทรัมป์ กล่าวว่า เป้าหมายการรีสตาร์ทเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐฯ ในวันที่ 1 พฤษภาคม อาจเป็นการมองแง่ดีเกินไป
ที่นิวยอร์ก ซิตี ซึ่งเป็นเมืองที่มีการระบาดหนักที่สุดในอเมริกา ยอดผู้เสียชีวิตได้รับการปรับปรุงใหม่และเพิ่มเป็นกว่า 10,000 คน ครอบคลุมผู้เสียชีวิตที่สันนิษฐานว่า เกิดจากโรคปอด แต่ไม่เคยรับการทดสอบหาไวรัส
โพรเท็กต์ อาวร์ แคร์ กลุ่มส่งเสริมสุขภาพในอเมริกา วิจารณ์การระงับการให้เงินช่วยเหลือฮูของทรัมป์ ว่า เป็นความพยายามที่ชัดเจนในการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากผลงานของตนเองในการดูเบาความรุนแรงของวิกฤตไวรัส และความล้มเหลวของคณะบริหารในการเตรียมพร้อมประเทศ
เลสลี แดค ประธานกลุ่มนี้สำทับว่า ฮูไม่ใช่ไม่มีข้อบกพร่องเลย แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะต้องลดเงินอุดหนุนขณะที่ไวรัสกำลังระบาดรุนแรงทั่วโลก
ทั้งนี้ ฮู เผยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในยุโรปบางประเทศ เช่น อิตาลี และ สเปน เริ่มลดลง แต่ในอังกฤษและตุรกีการระบาดกลับหนักขึ้น
ทางฟากเอเชีย อินเดียขยายมาตรการล็อกดาวน์ประชาชน 1,300 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นกว่า 10,000 คน โดยนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี กล่าวว่า จำเป็นต้องสังเวยเศรษฐกิจแลกกับชีวิตประชาชน
วันพุธ จีนรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 46 คน ลดลงจาก 89 คนในวันก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากรัสเซีย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน
ที่ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กำลังถูกกดดันให้แจกเงินประชาชนเพื่อเยียวยาผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด หลังจากเพิ่งประกาศมาตรการช่วยเหลือมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนั้น โยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยังเรียกร้องให้ประชาชนงดออกจากบ้านและทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยรัฐบาลสกัดการระบาด ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างอิงการคาดการณ์ที่ไม่เปิดเผยของกระทรวงสาธารณสุข ว่า อาจมีคนตายถึง 400,000 คน หากไม่มีมาตรการเร่งด่วน และประชาชน 850,000 คน อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ทั้งนี้ ในวันพุธ ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 125 คน รวมเป็นกว่า 8,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คน
