รอยเตอร์/เอเอฟพี/บีบีซี - จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ทั่วโลก พุ่งเหนือ 150,000 คนแล้วในวันศุกร์(17เม.ย) จากการนับของหลายๆองค์กร โดยชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดยังได้แก่สหรัฐฯ แต่ดูเหมือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เล็งเห็นประเด็นทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญกว่า ล่าสุดออกมาสนับสนุนประชาชนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ที่แต่ละรัฐกำหนด
นับตั้งแต่พบผู้เสียชีวิตรายแรกในเมืองอู่ฮั่น ทางภาคกลางของจีนเมื่อวันที่ 9 มกราคม ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลา 83 วันสำหรับปลิดชีพผู้คน 50,000 คนแรก ก่อนใช้เวลาเพียงแค่ 8 วันในการสะสมเหยื่อผู้เสียชีวิตแตะระดับ 100,000 คน และอีก 8 วันสำหรับปลิดชีพผู้คนทะลุ 150,000 ศพ
อย่างไรก็ตามตัวเลขผู้เสียชีวิตยังคงต่ำกว่าไข้หวัดสเปนอยู่มาก โดยโรคระบาดใหญ่ดังกล่าวซึ่งเริ่มแพร่ระบาดในปี 1918 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก ก่อนค่อยๆเลือนหายไปในปี 1920
เชื่อกันว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นในตลาดค้าสัตว์ในเมืองอู่ฮั่น ก่อนแผ่ลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ในตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมนั้น มีหลายประเทศ ข้อมูลอย่างเป็นทางการนับเฉพาะบุคคลที่เสียชีวิตตามโรงพยาบาลต่างๆ ยังไม่นับรวมคนที่เสียชีวิตในบ้านพักหรือตามบ้านพักคนชรา
สหรัฐฯเป็นชาติที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในโลก โดยจากข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ พบว่ายอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 684,920 คน ตามมาด้วยสเปน 188,093 คน, อิตาลี 172,434 คน, ฝรั่งเศส 172,434 คน, เยอรมนี 139,134 คนและสหราชอาณาจักร 109,769 คน
ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้น ข้อมูลที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ พบว่าสหรัฐฯ ครองอันดับ 1 เช่นกันที่จำนวน 34,614 คน ตามมาด้วย อิตาลี, 22,745 คน, สเปน 19,613 คน, ฝรั่งเศส18,703 คน และ สหราชอาณาจักร 14,576 คน ส่วนชาติอื่นๆตามมาห่างๆที่จำนวนผู้เสียชีวิตราวๆ 4,000 กว่าคน ประกอบด้วย อิหร่าน, จีนและเยอรมนี
แม้ข้อมูลบ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่ยังไม่สู้ดีนักของสหรัฐฯ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดนั้นเลยจุดพีคไปแล้วและต้องการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง สวนทางกับความคิดเห็นของบรรดาผู้ว่าการในหลายรัฐที่ต้องการขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไป เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
อย่างไรก็ตามมาตรการปิดเมืองได้จุดชนวนการชุมนุมคัดค้านในหลายรัฐ และล่าสุด ทรัมป์ ในวันศุกร์(17เม.ย.) ฉวยโอกาสนี้ส่งสัญญาณสนับสนุนพวกผู้ประท้วง "ปลดปล่อยมินเนโซตา, ปลดปล่อยมิชิแกน และปลดปล่อยเวอร์จิเนีย" ทรัมป์เขียนบนทวิตเตอร์
การแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ประท้วงของประธานาธิบดี มีขึ้น 1 วันหลังจากรัฐบาลของเขาแถลงแผนการ 3 ขั้นซึ่งจะเปิดทางให้รัฐต่างๆ ทยอยผ่อนคลายคำสั่งล็อกดาวน์ปิดเมือง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
ข้อความบนทวิตเตอร์ในวันศุกร์(17เม.ย.) สวนทางกับท่าทีของเขาหนึ่งวันก่อนหน้านี้ โดยในวันพฤหัสบดี(16เม.ย.) ทรัมป์บอกว่าเขารู้สึกเห็นใจผู้ประท้วง "ดูเหมือนพวกเขาเป็นผู้ประท้วงที่คิดแบบเดียวกับผม ผมมีความคิดเห็นแบบเดียวกัน แต่ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับพวกผู้วาการรัฐ"
พวกผู้ประท้วงบอกว่าข้อจำกัดทางเศรษฐกิจอันเข้มงวดกำลังทำร้ายประชาชน แต่เหล่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวอาจโหมกระพือการแพร่ระบาด ในขณะที่สหรัฐฯยังพบเห็นตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันทุบสถิติสงสุดอีกครั้งในวันพฤหัสบดี(16เม.ย.) หลังพบผู้เสียชีวิต 4,591 คน ในช่วง 24 ชั่วโมง
การประท้วงเรียกร้องยุติชัตดาวน์เกิดขึ้นในรัฐมิชิแกน, โอไฮโอ, นอร์ทแคโรไลนา, มินนิโซตา, ยูทาห์, เวอร์จิเนียและเคนทักกี แต่รัฐที่ถูกพาดพิงในทวิตเตอร์ของทรัมป์ในวันศุกร์นั้น ล้วนแต่มีผู้ว่าการรัฐมาจากพรรคเดโมแครต ขณะที่ โอไฮโอและยูทาห์ ซึ่งเขาไม่ได้พาดพิงถึงนั้น มีผู้ว่าการรัฐมาจากรีพับลิกัน พรรคของประธานาธิบดี
นอกจากนี้แล้วมีรายงานว่าพวกผู้ชุมนุมมีแผนรวมตัวประท้วงกันในรัฐอื่นๆด้วย ในนั้นรวมถึงวิสคอนซิน, ออริกอน, ไอดาโฮและเทกซัส