รอยเตอร์ - ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวออกมายอมรับวานนี้ (26 เม.ย.) ว่ามาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ รุนแรงเป็นประวัติการณ์ อาจทำให้อัตราคนว่างงานในเดือน เม.ย.พุ่งสูงถึง 16% หรือมากกว่า และจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง
เควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงาน ‘This Week’ ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมากจริงๆ”
“ผมเชื่อว่ามันเป็นผลกระทบด้านลบครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เคยเผชิญมา และอาจทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงพอๆ กับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก (Great Depression) ในทศวรรษ 1930”
ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.เป็นต้นมา มีชาวอเมริกันยื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยากรณีว่างงานแล้วไม่ต่ำกว่า 26.5 ล้านคน ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก, การก่อสร้าง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ล้วนได้รับผลกระทบหนักไปตามๆ กัน
สำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ (Congressional Budget Office) คาดการณ์ว่า จีดีพีสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 จะหดตัวลงเกือบ 40% เมื่อเทียบต่อปี ส่วนอัตราการว่างงานจะสูงถึง 16% ในไตรมาส 3 ปีนี้ และเกิน 10% ในปีหน้า
ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ช่วงก่อนโควิดระบาดอยู่ที่ 3.5% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 50 ปี
แฮสเซ็ตต์ยอมรับว่า สถานการณ์ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้ามีแนวโน้มย่ำแย่ และบรรดาที่ปรึกษา ทรัมป์ กำลังเตรียมเสนอแนวทาง 5-6 อย่างต่อสภาคองเกรสเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
“ในช่วง 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ทุกคนจะร่วมกันจัดทำแผนเพื่อเพิ่มโอกาสให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาฟื้นในรูปตัว V” แฮสเซ็ตต์ บอกกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี “ซึ่งผมไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ เว้นเสียแต่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกรอบ”
สภาคองเกรสได้อนุมัติงบประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ 2 ขั้วการเมืองได้โชว์สปิริตร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง และพยุงเศรษฐกิจอเมริกันที่ทรุดตัวต่อเนื่อง (free fall)
บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ระบุวานนี้ (26) ว่าเมืองของเขาต้องการเม็ดเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง 7,400 ล้านดอลลาร์ เพื่อบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจจากโควิด-19
“ถ้านครนิวยอร์กอยู่ไม่ได้ เศรษฐกิจทั้งภูมิภาคก็จะพังครืน และกลายเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระดับชาติ” เดอ บลาซิโอ ให้สัมภาษณ์ในรายการ Sunday Morning Futures ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์
ผู้ว่าการรัฐทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันต่างเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์ และสภาคองเกรสคลอดแพ็กเกจช่วยเหลือที่ใหญ่โตพอสมควร ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ เองก็มีท่าทีว่าอยากจะอนุมัติความช่วยเหลือเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม แกนนำรีพับลิกันบางคน เช่น มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำ ส.ว.รีพับลิกันเสียงข้างมาก ได้ออกมาเตือนถึงตัวเลขหนี้สินภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น และแนะนำให้รัฐต่างๆ ยอมประกาศ ล้มละลาย (bankruptcy) จะดีกว่า ซึ่งเป็นไอเดียที่เรียกเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง