คลังเผยครม. อนุมัติแผนแม่บทการเงินการคลัง หลังมีมติให้ใช้เป็นแผนหลักดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของรัฐ รวมทั้งแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ด้าน สศค. คาด ปีงบฯ 61 สัดส่วนหนี้สินภาครัฐต่อมูลค่าจีดีพีจะอยู่ที่ 42.6%
นางสาวสุภัค ไชยวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2562-2564) และกรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทหลักสำหรับการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของรัฐ รวมทั้งแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแผนการบริหารหนี้สาธารณะ โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ สำหรับแผนการคลังระยะปานกลางนั้น
ประกอบด้วยเป้าหมายและนโยบายการคลัง สถานะและการประมาณการเศรษฐกิจ สถานะและประมาณการการคลัง ซึ่งรวมถึงประมาณการรายได้ ประมาณการรายจ่าย ดุลการคลัง และการจัดการกับดุลการคลังนั้น สถานะหนี้สาธารณะของรัฐบาล และภาระผูกพันทางการเงินการคลังของรัฐบาล และได้กำหนดเป้าหมายนโยบายการคลังในระยะปานกลาง เพื่อเข้าสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลในระยะยาว
ดังนั้น รัฐบาลควรมุ่งบริหารรายได้และรายจ่ายให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีและการปรับอัตราภาษีที่เหมาะสมเพื่อให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะต้องจำกัดการขยายตัวของรายจ่ายในภาพรวม โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ และเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนให้สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบการกำหนดสัดส่วนเพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะตามมาตรา 50 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ ซึ่งประกอบด้วยตัวชี้วัด 4 ด้าน คือ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ 60, สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ต้องไม่เกินร้อยละ 35, สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด ต้องไม่เกินร้อยละ 10 และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ต้องไม่เกินร้อยละ 5
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และสัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริงต่อคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นเดือน มี.ค. และ ก.ย. ของทุกปี ซึ่ง สศค. ได้ประมาณการว่า ในปีงบประมาณ 61 สัดส่วนหนี้สินภาครัฐต่อมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 42.6% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดจะอยู่ที่ 3.9% และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ จะอยู่ที่ 0.42%
นางสาวสุภัค ไชยวรรณ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2562-2564) และกรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทหลักสำหรับการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของรัฐ รวมทั้งแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี และแผนการบริหารหนี้สาธารณะ โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ สำหรับแผนการคลังระยะปานกลางนั้น
ประกอบด้วยเป้าหมายและนโยบายการคลัง สถานะและการประมาณการเศรษฐกิจ สถานะและประมาณการการคลัง ซึ่งรวมถึงประมาณการรายได้ ประมาณการรายจ่าย ดุลการคลัง และการจัดการกับดุลการคลังนั้น สถานะหนี้สาธารณะของรัฐบาล และภาระผูกพันทางการเงินการคลังของรัฐบาล และได้กำหนดเป้าหมายนโยบายการคลังในระยะปานกลาง เพื่อเข้าสู่การจัดทำงบประมาณแบบสมดุลในระยะยาว
ดังนั้น รัฐบาลควรมุ่งบริหารรายได้และรายจ่ายให้อยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีและการปรับอัตราภาษีที่เหมาะสมเพื่อให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน จะต้องจำกัดการขยายตัวของรายจ่ายในภาพรวม โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ และเพิ่มสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนให้สูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติรับทราบการกำหนดสัดส่วนเพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะตามมาตรา 50 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังฯ ซึ่งประกอบด้วยตัวชี้วัด 4 ด้าน คือ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ต้องไม่เกินร้อยละ 60, สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ ต้องไม่เกินร้อยละ 35, สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด ต้องไม่เกินร้อยละ 10 และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ต้องไม่เกินร้อยละ 5
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง และสัดส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นจริงต่อคณะกรรมการฯ และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นเดือน มี.ค. และ ก.ย. ของทุกปี ซึ่ง สศค. ได้ประมาณการว่า ในปีงบประมาณ 61 สัดส่วนหนี้สินภาครัฐต่อมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะอยู่ที่ 42.6% ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดจะอยู่ที่ 3.9% และสัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ จะอยู่ที่ 0.42%