รอยเตอร์ - อิตาลีมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ เพิ่มขึ้นถึง 368 รายในวันอาทิตย์ (15 มี.ค.) ถือเป็นสถิติรายวันสูงที่สุด ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลว่าระบบสาธารณสุขของประเทศอาจไม่เพียงพอรองรับจำนวนผู้ป่วยที่ยังคงพุ่งไม่หยุดหย่อน โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมเฉียด 25,000 คนแล้ว
แม้ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่จะเริ่มแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาคยุโรป ทว่าอิตาลียังคงเป็น ‘ฮอตสปอต’ ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลกรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของไวรัสมรณะชนิดนี้
นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามเร่งจัดหาอุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัส โดยจะเน้นจัดส่งความช่วยเหลือไปยังแคว้นลอมบาร์ดีซึ่งพบผู้ติดเชื้อเป็นเคสแรกๆ เมื่อกว่า 3 สัปดาห์ก่อน
“สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องปกป้องแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด้านสาธารณสุขของเราให้ปลอดภัย” ผู้นำอิตาลีระบุในถ้อยแถลง หลังจากสัปดาห์ที่แล้วมีการประกาศล็อคดาวน์ปิดเมืองทั่วประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาด
รัฐบาลยังให้คำมั่นว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจและครัวเรือนจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่คาดว่าจะรุนแรง โดยคาดว่าจะประกาศภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (16)
ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในอิตาลีขยับขึ้นมาอยู่ที่ 24,747 ราย เสียชีวิต 1,809 ราย ตามข้อมูลเมื่อวันอาทิตย์ (15) โดยผู้เสียชีวิตนั้นเพิ่มขึ้นถึง 368 รายภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
แคว้นลอมบาร์ดีซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองศูนย์กลางการเงินอย่างมิลาน (Milan) กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดที่มีผู้เสียชีวิตแล้วมากถึง 1,218 คน โดยเพิ่มขึ้น 252 คนในวันเดียว
ประชากรราว 1 ใน 4 ของอิตาลีเป็นผู้สูงวัยที่อายุเกิน 65 ปี ซึ่งจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อโควิด-19
อังเกโล โบเรลลี หัวหน้าสำนักงานป้องกันพลเรือนอิตาลี ระบุว่า แคว้นลอมบาร์ดีได้กระจายผู้ป่วย 40 คนไปเข้ารับการรักษายังพื้นที่อื่นๆ และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่เสียชีวิตเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวันทำให้ระบบสาธารณสุขในแคว้นลอมบาร์ดี, เอมีเลีย-โรมัญญา และเวเนโต เริ่มส่งสัญญาณรับไม่ไหว
“จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงจุดที่เราไม่มีเตียงพอสำหรับผู้ป่วยระยะวิกฤตแล้ว” อัตติลิโอ ฟอนตานา ผู้ว่าการแคว้นลอมบาร์ดี เปิดใจผ่านสถานีโทรทัศน์ SkyTG24
โรเบร์โต กูอัลติเอรี รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจอิตาลี ยืนยันว่ารัฐบาลได้เตรียมออกแพ็กเกจช่วยเหลือมูลค่า 25,000 ล้านยูโร โดยจะนำเงินเหล่านี้ไปเพิ่มงบสนับสนุนระบบสาธารณสุข รวมถึงออกมาตรการต่างๆ เพื่อลดภาระให้แก่บริษัทและภาคครัวเรือน เช่น ชะลอการเก็บภาษี, พักชำระหนี้ และเพิ่มสวัสดิการให้แก่คนว่างงาน เป็นต้น
